บุรีรัมย์ - ชลประทานบุรีรัมย์เร่งดำเนินการขุดลอกกว่า 12.5 ล้านบาท เพิ่มพื้นที่กักเก็บน้ำ “เขื่อนห้วยจระเข้มาก” แหล่งน้ำดิบที่ใช้ผลิตประปาหล่อเลี้ยงเมืองบุรีรัมย์และใช้เพื่อการเกษตรกว่า 6 หมื่นไร่เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้ง ทั้งรองรับการขยายตัวของเมืองที่มีปริมาณการใช้น้ำเพิ่มขึ้นทุกปี
วันนี้ (15 ก.ค.) นายกิติกุล เสภาศีราภรณ์ ผู้อำนวยการโครงการชลประทาน จ.บุรีรัมย์ พร้อมด้วย พ.ต.พงศ์กรณ์ จำนงประโคน ผู้บังคับกองร้อยจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ ที่ได้รับมอบหมายจาก พล.ต.เดชอุดม นิชรัตน์ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกบุรีรัมย์ ให้มาติดตามโครงการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ร่วมกันลงพื้นที่ตรวจติดตามความคืบหน้าการดำเนินการขุดลอกขยายพื้นที่กักเก็บน้ำ ที่บริเวณท้ายอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก บ้านสวายสอ ต.สะแกโพรง อ.เมืองบุรีรัมย์
หลังจากได้รับงบประมาณสนับสนุนจากทางรัฐบาลผ่านกรมชลประทานเพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งในพื้นที่กว่า 12.5 ล้านบาท โดยมีโครงการขุดลอกพื้นที่ดังกล่าวกว้าง 200 เมตร ยาว 1,800 เมตร ลึก 2.5 เมตร กำหนดแล้วเสร็จในเดือนมกราคม 2559 ซึ่งหากขุดลอกแล้วเสร็จจะสามารถกักเก็บน้ำได้เพิ่มขึ้นอีก 600,000 ลูกบาศก์เมตร จากเดิมมีความจุ 26 ล้านลูกบาศก์เมตร
โครงการขุดลอกขยายพื้นที่กักเก็บน้ำในครั้งนี้ นอกจากเป็นการแก้ไขปัญหาภัยแล้งที่เกิดขึ้นซ้ำซากแล้ว ยังเป็นการรองรับการขยายตัวของเมืองและปริมาณการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้นทุกปีเฉลี่ยปีละ 6 เปอร์เซ็นต์ด้วย ซึ่งอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากดังกล่าวเป็นแหล่งน้ำดิบสำคัญที่ใช้ในการผลิตประปาหล่อเลี้ยงประชาชนในเขต อ.เมืองบุรีรัมย์ และ อ.ห้วยราชบางส่วน รวมกว่า 28,000 ครัวเรือน
สำหรับโครงการขุดลอกขยายพื้นที่กักเก็บน้ำดังกล่าวเป็นหนึ่งใน 386 โครงการ ที่ จ.บุรีรัมย์ได้รับการสนับสนุนงบกลางจากรัฐบาลเพื่อมาดำเนินการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง โดยในจำนวนนี้แยกเป็นโครงการของกรมชลประทาน 105 โครงการ กรมเจ้าท่า 14 โครงการ กรมพัฒนาที่ดิน 4 โครงการ กรมทรัพยากรน้ำ 28 โครงการ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล 87 โครงการ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย 19 โครงการ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น 101 โครงการ และกองทัพบก 10 โครงการ ซึ่งทั้ง 386 โครงการจะกระจายทั้งในพื้นที่ 23 อำเภอ ขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วประมาณ 32 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลืออยู่ระหว่างการดำเนินการ
นายกิติกุลกล่าวว่า โครงการขุดลอกขยายพื้นที่กักเก็บน้ำของอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากในครั้งนี้เพื่อรองรับความต้องการใช้น้ำของประชาชนในการอุปโภคบริโภค และน้ำในการทำการเกษตรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าจะสามารถรองรับสถิติการใช้น้ำได้เพียงประมาณ 5 ปี ส่วนแผนระยะยาวในอนาคตจะต้องทำการขุดลอกขยายพื้นที่กักเก็บน้ำเพิ่มเติมอีก จึงจะเพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำของประชาชนและเกษตรกรที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับงบประมาณดำเนินการด้วยเช่นกัน