กลุ่มเรือประมงพื้นบ้านจันทบุรี วอนชาวประมงนำเรือขึ้นทะเบียนอาชญาบัตรให้ถูกต้อง

จันทบุรี - ประธานกลุ่มเรือประมงพื้นบ้านจังหวัดจันทบุรี วิงวอนให้ชาวประมงนำเรือมาจดขึ้นทะเบียนอาชญาบัตรให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพราะเป็นมาตรการที่ทางรัฐบาลทำถูกต้อง และเป็นผลดีในอนาคต

วันนี้ (14 ก.ค.) นายสุเทพ มะลิเถา ประธานกลุ่มเรือประมงจังหวัดจันทบุรี ได้นำชาวประมงจำนวนหนึ่งเข้าพบ นายบัญชา สุขแก้ว ประมงจังหวัดจันทบุรี ที่เห็นด้วยต่อรัฐบาลที่ได้มีการออกมาตรการการขึ้นทะเบียน หรือการจดอาชญาบัตรให้แก่พี่น้องชาวประมงทั่วประเทศ เพราะเป็นสิ่งที่รัฐบาลได้เดินมาถูกทาง และอย่างทำถูกต้องตามกฎหมาย

ในส่วนนี้ ตนในฐานะประธานกลุ่มเรือประมงพื้นบ้าน เห็นด้วยต่อมาตรการที่ทางรัฐบาลทำอยู่นี้ จึงอยากวิงวอนให้ชาวประมงจังหวัดจันทบุรี ได้มีการมาขึ้นทะเบียน และทำอาชญาบัตรให้ถูกต้องตามประเภทของเรือให้ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งมาตรการนี้จะช่วยให้การทำประมงที่ผิดกฎหมายหมดไป และสามารถที่จะควบคุมเครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมายเพื่อป้องกันสัตว์น้ำที่ถูกจับจากเครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมายลดลง รวมทั้งเพื่อให้ชาวประมงสามารถทำการประมงได้อย่างยั่งยืนต่อไป

นายสุเทพ กล่าวว่า ตนในฐานะเป็นประมงพื้นบ้าน ซึ่งเห็นดีด้วยที่รัฐบาลประกาศมาว่า ชาวประมงที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.58 ที่ผ่านมา ชาวประมงจะต้องถูกจับกุม ในส่วนประมงพื้นบ้านจังหวัดจันทบุรี ได้เล็งเห็นแล้วว่ารัฐบาลทำอย่างจริงจังขนาดนี้คิดว่าดี ประมงพื้นบ้านจังหวัดจันทบุรี ก็เห็นดีด้วย คือ ชาวประมงจะไม่เอารัดเอาเปรียบกัน เรือที่ผิดกฎหมายก็มาทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย และมาทำเครื่องมือคล้ายๆ กันอย่าเอารัดเอาเปรียบเรือเล็ก

อย่างเช่นเรือประมงพื้นบ้านขนาดเล็กเขาหาเช้ากินค่ำ ซึ่งเมื่อที่รัฐบาลประกาศออกมาอย่างนี้แล้วทำให้ประมงพื้นบ้านดีใจทุกชุมชนที่เป็นประมงพื้นบ้าน ทั้งนี้ เรือประมงที่ผิดกฎหมายก็ไม่กล้าที่จะทำประมงที่ผิดกฎหมาย แล้วก็ไม่ไปทำเครื่องมือประมงชายฝั่งเสียหาย แล้วไม่ไปทำลายทรัพยากรที่กำลังเจริญเติบโตเพราะเครื่องมือหนักจะทำลายไปหมด ซึ่งรัฐบาลประกาศออกมาอย่างนี้แล้ว

สำหรับจังหวัดจันทบุรี ที่เป็นประมงพื้นบ้านทั้ง 4 อำเภอ ที่ไปคุยกันโดยเฉพาะแกนนำทุกคนเห็นดีกันหมดว่ารัฐบาลทำเรื่องนี้ถูกต้อง เพราะประมงชายฝั่งเห็นด้วยว่าจะต้องมีการปราบปรามเรือที่ผิดกฎหมายอย่างจริงจัง เพราะที่ผ่านมา ไม่มีใครทำอย่างจริงจัง หรือฟันธงไปเลย ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ประกาศอย่างนี้ตนคิดว่าทุกคนก็ต้องเกรงกลัว และทุกวันตนหากินทางประมง และได้มองออกไปไม่ต้องไปดูตามแพ มองออกไปทะเลก็ไม่พบเรือขนาดใหญ่ที่ผิดกฎหมายออกมาให้เห็นเลย ซึ่งนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ได้เดินทางมาถูกทางแล้ว และขอให้มีการดำเนินการอย่างจริงจังต่อไป

ด้าน นายบัญชา สุขแก้ว ประมงจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า เรื่องของการควบคุมเรือประมงให้เป็นไปตามกฎหมาย ตามนโยบายของรัฐบาลในปัจจุบัน ขณะนี้จังหวัดจันทบุรี มีเรือประมงขนาดใหญ่อยู่ประมาณ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ นอกนั้นเป็นเรือขนาดเล็ก เรือประมงทุกประเภทขณะนี้ได้มาขึ้นทะเบียนสำรวจเรียบร้อย ซึ่งสามารถที่จะออกทำการประมงได้เป็นปกติ

ส่วนเรือประมงขนาดใหญ่ที่ไม่สามารถออกอาชญาบัตรให้ได้ เช่น เรืออวนลากส่วนหนึ่ง อวนคอบปลากะตัก ซึ่งเรือประเภทนี้ไม่สามารถออกทำการประมงได้ เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่ไม่ได้รับอนุญาต และไม่ตรงกับเครื่องมือที่ใช้อยู่ในเรือ

ส่วนเรือประมงขนาดเล็ก เรือประมงชายฝั่งสามารถออกทำการประมงได้เป็นปกติ ซึ่งมาตรการของรัฐที่ได้ดำเนินการมาในภาพรวมของจังหวัดจันทบุรีนั้น ยังไม่มีผลกระทบมากนัก มีอยู่บางส่วนเท่านั้น เช่น เรืออวนคอบ มีอยู่ประมาณ 20 กว่าลำ ที่ไม่ได้รับอาชญาบัตร แต่ที่ได้รับอาชญาบัตรถูกต้องแล้วมีจำนวน 56 ลำ ส่วนเรือลากเดี่ยวที่ไม่ถูกต้องมีอยู่ 19 ลำ และเรืออวนลากคู่ มีอยู่ 3 ลำ

สาเหตุที่ไม่สามารถที่จะออกอาชญาบัตรให้ได้นั้นมีหลายสาเหตุ เช่น อาจจะมีการต่อใบอนุญาตใหม่ภายหลังได้รับอนุญาตเมื่อปี 2539 แต่ในระยะขาดอายุ หรือไม่ได้โอนทางทะเบียนที่ถูกต้องเมื่อขาดอายุแล้วก็ทำให้ต้องจำหน่ายจากทะเบียนไป ส่วนที่ทำถูกต้องสามารถออกทำการประมงได้ ส่วนธุรกิจเกี่ยวเนื่องในปัจจุบันทั้งโรงน้ำแข็ง โรงงานรับซื้ออาหารทะเล หรือแพปลาก็ยังสามารถเปิดเป็นปกติ

สำหรับราคาสัตว์น้ำตามท้องตลาดไม่ได้เพิ่มขึ้น ยังราคาเดิม เนื่องจากชาวประมงชายฝั่งกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ สามารถจับสัตว์น้ำได้เพิ่มขึ้นอย่างเป็นเท่าตัว ถือว่าสัตว์น้ำได้ฟื้นกลับคืนมาจากมาตรการนี้ส่วนหนึ่งด้วย