กระบี่ - เครือข่ายประมงพื้นบ้านจังหวัดกระบี่ เผยรัฐบาลบังคับใช้กฎหมายต่อเรือประมงแหกกฎ ปกป้องสัตว์น้ำ มีใช้อย่างยั่งยืน ระบุเรือผิดกฎหมายอยากหยุดประท้วงให้ปล่อยไป เรือถูกกฎหมายพร้อมออกจับปลามีอีกมาก
วันนี้ (9 ก.ค.) นายอาหลี ชาญน้ำ นายกสมาคมคนรักเล จังหวัดกระบี่ กล่าวถึงกรณีที่ทางรัฐบาลประกาศใช้มาตรการห้ามเรือประมงที่ผิดกฎหมายทำการประมง เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบ IUU (Illegal, Unreported and Unregulated Finishing) ว่า ในส่วนของเครือข่ายชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดกระบี่ สนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการบังคับใช้กฎหมายควบคุมเรือประมงผิดกฎหมาย ทั้งเรืออวนลาก อวนรุน และเรือปั่นไฟจับลูกปลา ซึ่งเป็นเครื่องมือประมงที่ทำลายล้างทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างรุนแรง
นายอาหลี กล่าวด้วยว่า เชื่อว่าการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลจะส่งผลดีต่อทรัพยากรสัตว์น้ำทางทะเลที่จะได้มีการฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ซึ่งที่ผ่านมา ทางชาวประมงพื้นบ้านได้มีการเรียกร้องให้มีการอนุรักษ์มาตลอด และผู้ที่จะได้ประโยชน์เต็มๆ จากเรือประมงผิดกฎหมายอยุดทำประมง ก็คือ ชาวประมงพื้นบ้าน สามารถจับสัตว์น้ำได้เพิ่มขึ้น โดยที่ผ่านมา ได้ให้ความร่วมมือต่อกรมประมงในการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำมาโดยตลอด โดยการไม่ใช้เครื่องมือที่ผิดกฎหมายทำการประมง และสนับสนุนเต็มที่ต่อเรื่องดังกล่าว
และในช่วงหลังประเทศไทยถูกคาดโทษ เนื่องจากการทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาล ควรแก้ปัญหาโดยการเอาเรือที่ผิดกฎหมายมาทำให้ถูกต้อง หากว่าเขาจะหยุดประท้วงก็ให้หยุดไป เพื่อปลดล็อกใบเหลืองให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาว่ากันทีหลัง เพราะเรือประมงที่ถูกกฎหมายก็มีเยอะ ในส่วนแนวทางแก้ไขนั้นทางรัฐบาลต้องกำหนดข้อกฎหมายออกมาอย่างชัดเจน แล้วผู้ประกอบการเรือประมงก็ต้องเคารพกฎหมาย เครื่องมือที่ทางกฎหมายห้ามก็ต้องเปลี่ยนให้ถูกต้องตามกฎหมายถึงจะออกประกอบอาชีพได้
ด้าน นายมานิต ดำกุล นายกสมาคมชาวประมงจังหวัดกระบี่ กล่าวด้วยว่า การที่ประเทศไทยถูกคาดโทษให้ใบเหลือง เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการประกอบอาชีพประมง ซึ่งการที่รัฐบาลประกาศห้ามเรือประมงผิดกฎหมายทำการประมง ถือได้ว่าเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบอาชีพประมงรู้สึกอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล เพราะเครื่องมือหลายๆ ประเภทที่ทางกฎหมายกำหนดห้ามนั้นล้วนแต่เป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพในการทำลายล้างสูง หากเป็นไปได้ขอให้มีการเปลี่ยนเครื่องมือ เพื่ออนาคตของทะเลไทย
ด้าน นายวิสูตร ศศิวิมล ประมงจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ปัจจุบันจังหวัดกระบี่ มีผู้ประกอบการประมงเป็นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่จำเป็นประมงพื้นบ้านประมาณ 90% ในส่วนของเรือประมงพาณิชย์มีแค่ 10% แต่เมื่อเปรียบเทียบปริมาณการจับสัตว์น้ำนั้นเกิดความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด เพราะเรือประมงพื้นบ้านมีกำลังการจับสัตว์น้ำได้แค่ประมาณ 10% ในขณะที่จำนวนเรือมีมาก แต่ขณะเดียวกัน เรือประมงพาณิชย์มีเพียงแค่ไม่กี่ลำแต่สามารถจับสัตว์น้ำได้มากถึง 90% และทุกลำถูกต้องตามกฎหมาย
วันนี้ (9 ก.ค.) นายอาหลี ชาญน้ำ นายกสมาคมคนรักเล จังหวัดกระบี่ กล่าวถึงกรณีที่ทางรัฐบาลประกาศใช้มาตรการห้ามเรือประมงที่ผิดกฎหมายทำการประมง เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบ IUU (Illegal, Unreported and Unregulated Finishing) ว่า ในส่วนของเครือข่ายชาวประมงพื้นบ้านจังหวัดกระบี่ สนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการบังคับใช้กฎหมายควบคุมเรือประมงผิดกฎหมาย ทั้งเรืออวนลาก อวนรุน และเรือปั่นไฟจับลูกปลา ซึ่งเป็นเครื่องมือประมงที่ทำลายล้างทรัพยากรสัตว์น้ำอย่างรุนแรง
นายอาหลี กล่าวด้วยว่า เชื่อว่าการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลจะส่งผลดีต่อทรัพยากรสัตว์น้ำทางทะเลที่จะได้มีการฟื้นตัวกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ซึ่งที่ผ่านมา ทางชาวประมงพื้นบ้านได้มีการเรียกร้องให้มีการอนุรักษ์มาตลอด และผู้ที่จะได้ประโยชน์เต็มๆ จากเรือประมงผิดกฎหมายอยุดทำประมง ก็คือ ชาวประมงพื้นบ้าน สามารถจับสัตว์น้ำได้เพิ่มขึ้น โดยที่ผ่านมา ได้ให้ความร่วมมือต่อกรมประมงในการอนุรักษ์ทรัพยากรสัตว์น้ำมาโดยตลอด โดยการไม่ใช้เครื่องมือที่ผิดกฎหมายทำการประมง และสนับสนุนเต็มที่ต่อเรื่องดังกล่าว
และในช่วงหลังประเทศไทยถูกคาดโทษ เนื่องจากการทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาล ควรแก้ปัญหาโดยการเอาเรือที่ผิดกฎหมายมาทำให้ถูกต้อง หากว่าเขาจะหยุดประท้วงก็ให้หยุดไป เพื่อปลดล็อกใบเหลืองให้ได้ก่อนแล้วค่อยมาว่ากันทีหลัง เพราะเรือประมงที่ถูกกฎหมายก็มีเยอะ ในส่วนแนวทางแก้ไขนั้นทางรัฐบาลต้องกำหนดข้อกฎหมายออกมาอย่างชัดเจน แล้วผู้ประกอบการเรือประมงก็ต้องเคารพกฎหมาย เครื่องมือที่ทางกฎหมายห้ามก็ต้องเปลี่ยนให้ถูกต้องตามกฎหมายถึงจะออกประกอบอาชีพได้
ด้าน นายมานิต ดำกุล นายกสมาคมชาวประมงจังหวัดกระบี่ กล่าวด้วยว่า การที่ประเทศไทยถูกคาดโทษให้ใบเหลือง เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการประกอบอาชีพประมง ซึ่งการที่รัฐบาลประกาศห้ามเรือประมงผิดกฎหมายทำการประมง ถือได้ว่าเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบอาชีพประมงรู้สึกอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล เพราะเครื่องมือหลายๆ ประเภทที่ทางกฎหมายกำหนดห้ามนั้นล้วนแต่เป็นเครื่องมือที่มีศักยภาพในการทำลายล้างสูง หากเป็นไปได้ขอให้มีการเปลี่ยนเครื่องมือ เพื่ออนาคตของทะเลไทย
ด้าน นายวิสูตร ศศิวิมล ประมงจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ปัจจุบันจังหวัดกระบี่ มีผู้ประกอบการประมงเป็นจำนวนมาก แต่ส่วนใหญ่จำเป็นประมงพื้นบ้านประมาณ 90% ในส่วนของเรือประมงพาณิชย์มีแค่ 10% แต่เมื่อเปรียบเทียบปริมาณการจับสัตว์น้ำนั้นเกิดความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด เพราะเรือประมงพื้นบ้านมีกำลังการจับสัตว์น้ำได้แค่ประมาณ 10% ในขณะที่จำนวนเรือมีมาก แต่ขณะเดียวกัน เรือประมงพาณิชย์มีเพียงแค่ไม่กี่ลำแต่สามารถจับสัตว์น้ำได้มากถึง 90% และทุกลำถูกต้องตามกฎหมาย