บุรีรัมย์ - จากสถานการณ์ภัยแล้ง และสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงนี้ส่งผลให้พืชผักหลายชนิดมีราคาแพงขึ้น โดยเฉพาะพริกขี้หนูมีราคาพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึงกิโลกรัมละ 140 บาท จากปกติกิโลกรัมละ 50 บาท ด้านแม่ค้าโอดขายได้กำไรน้อยต้องลดปริมาณรับซื้อลงเท่าตัวเนื่องจากไม่มีทุน
วันนี้ (30 มิ.ย.) จากสถานการณ์ภัยแล้งที่ขยายวงกว้างในหลายพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ทั้งอ่างเก็บน้ำ และแหล่งน้ำตามธรรมชาติแห้งขอด ประกอบกับสภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงนี้ โดยมีอุณหภูมิอยู่ที่เฉลี่ย 36-37 องศาเซลเซียส ทำให้บางพื้นที่ไม่สามารถเพาะปลูกพืชผลการเกษตรได้ และบางพื้นที่ขาดน้ำเหี่ยวเฉาแห้งตายเสียหาย จากผลพวงดังกล่าวได้ส่งผลกระทบทำให้ราคาพืชผักหลายชนิดตามท้องตลาด ทั้งตลาดสดเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ ตลาดสดไนท์บาซาร์ มีราคาแพงขึ้นเกือบทุกชนิด เช่น ผักชีจากปกติราคากิโลกรัมละ 170 บาท ปรับขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 200 บาท แตงกวาเดิมกิโลกรัมละ 10 บาท ปรับเป็นกิโลกรัมละ 30 บาท
แต่ที่ปรับราคาขึ้นแพงมากที่สุดและแพงเป็นประวัติการณ์ คือ พริกขี้หนู มีราคาพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 140 บาท จากปกติราคากิโลกรัมละ 50 บาทเท่านั้น ทำให้ส่งผลกระทบทั้งต่อพ่อค้าแม่ค้า และผู้บริโภค
นางสุมาลี อามาท อายุ 50 ปี ชาวบ้านบ้านสารพี ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ บอกว่า จากปกติจะปลูกผักนำมาขายเอง แต่ปีนี้ไม่สามารถปลูกได้เพราะฝนไม่ตกและไม่มีแหล่งน้ำ จึงต้องไปรับซื้อจากพ่อค้าคนกลางนำมาขายต่อ ทำให้มีราคาแพงโดยเฉพาะพริกขี้หนูปีนี้แพงขึ้นหลายเท่าตัว โดยพ่อค้าอ้างว่าผลผลิตน้อยลงจึงต้องส่งในราคาแพงขึ้น ทำให้ต้องนำมาขายในราคาแพงขึ้นเช่นกัน แต่ช่วงนี้ขายไม่ค่อยได้เพราะผักมีราคาแพงขึ้นเกือบทุกชนิด ทำให้ต้องลดปริมาณการรับซื้อลงเท่าตัวเพราะไม่มีทุน
ด้าน นางน้อย วิโสรัมย์ อายุ 40 ปี ชาวบ้านบ้านสวายจีก ต.สวายจีก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ แม่ค้าขายผักบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ช่วงนี้ผักหลายชนิดมีราคาแพงขึ้น โดยเฉพาะพริกขี้หนูแพงขึ้นหลายเท่าตัว จากปกติทุกปีพืชผักจะแพงแต่ช่วงเทศกาล แต่ช่วงนี้ไม่ใช่เทศกาลแต่กลับมีราคาแพง คาดว่าน่าจะเนื่องมาจากพิษภัยแล้งผลผลิตออกสู่ตลาดลดลงจึงทำให้มีราคาแพงขึ้นจนไม่สามารถแบ่งขายถุงละ 5 บาทเหมือนเดิมได้ต้องขายถุงละ 10 บาทขึ้นไป และคาดว่าจะแพงขึ้นอีกสักระยะ
