ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - คณบดีสถาปัตยกรรมศาสตร์และออกแบบสิ่งแวดล้อม อำเภอแม่โจ้ ยอมรับมีความเป็นห่วงอย่างมากว่าต้นไม้กว่า 200 ต้นที่ถูกขุดย้ายออกจากแนวก่อสร้างทางลอดแยกแม่โจ้มีความเสี่ยงสูงที่จะต้องตาย หลังพบการดำเนินการไร้ความประณีตใส่ใจ ทั้งๆ ที่สามารถทำได้และเคยให้คำแนะนำไปแล้วแต่กลับไม่ทำตาม เรียกร้องการออกแบบก่อสร้างในอนาคตควรกลมกลืมและคงสภาพแวดล้อมเดิมไว้มากกว่าทำลาย
จากกรณีที่โครงการก่อสร้างทางลอดจุดตัดทางหลวงหมายเลข 11 กับทางหลวงหมายเลข 1001 (รวมสะพานข้ามแม่น้ำปิง) จังหวัดเชียงใหม่ หรืออุโมงค์ทางลอดแยกแม่โจ้ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ของกรมทางหลวง มีการขุดย้ายต้นไม้กว่า 200 ต้นออกจากแนวก่อสร้างนั้น อาจารย์บรรจง สมบูรณ์ชัย คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และออกแบบสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ เปิดเผยว่า ในช่วงแรกที่ทราบว่าเริ่มมีการก่อสร้างและจะต้องขุดถอนต้นไม้ในแนวก่อสร้างออกไปเป็นจำนวนมาก ได้มีความพยายามเข้าไปพูดคุยเจรจากับทางเจ้าหน้าที่โครงการถึงความเป็นไปได้ในการทบทวนปรับเปลี่ยนแบบเพื่อคงต้นไม้ทั้งหมดไว้ เนื่องจากเป็นต้นไม้ที่มีคุณค่า เช่น ต้นมะฮอกกานี, ต้นอินทนิล, ต้นคูน หรือราชพฤกษ์ เป็นต้น ซึ่งสร้างความร่มรื่น ช่วยดูดซับฝุ่นควันและมลพิษ รวมทั้งหลายต้นน่าจะมีอายุมากถึงประมาณ 30 ปี
อย่างไรก็ตาม เมื่อเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากโครงการได้รับจัดสรรงบประมาณ ทำสัญญาว่าจ้างเอกชนและเริ่มทำการก่อสร้างไปแล้ว จึงเสนอให้มีการขุดย้ายอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการและนำไปปลูกไว้ในที่เหมาะสม ซึ่งเบื้องต้นทางเอกชนผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการนี้อ้างว่าทางกรมทางหลวงไม่ได้มีการจัดสรรงบประมาณสำหรับการดำเนินการในส่วนนี้ไว้ แต่ก็ได้ทำการหารือเจรจาจนทางโครงการตกลงรับปากที่จะทำการขุดย้ายออกไปปลูกไว้ในที่เหมาะสมแทนที่จะขุดออกหรือตัดฟันทิ้ง โดยที่มีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งขอรับต้นไม้จำนวนหนึ่งไปปลูกต่อแล้ว
ทั้งนี้ อาจารย์บรรจงระบุว่า ในครั้งแรกพบว่าการขุดต้นไม้ออกจากแนวก่อสร้างโครงการเป็นการขุดขึ้นมาโดยที่ไม่ได้มีการตัดแต่งรากหรือดูแลตามขั้นตอนวิธีที่ถูกต้อง ซึ่งมีความเสี่ยงสูงอย่างมากที่จะทำให้ต้นไม้ตาย จึงให้คำแนะนำไปว่าควรทำอย่างไร แต่ทั้งนี้ไม่ได้เป็นทางการถึงขั้นเป็นที่ปรึกษาโครงการแต่อย่างใด
ขณะที่การติดตามการดำเนินการในส่วนนี้พบว่ายังคงมีการใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องในการขุดย้ายต้นไม้อยู่ ทั้งๆ ที่สามารถทำให้ประณีตกว่านี้ได้ด้วยการขุดเจาะแล้วต้องแต่งราก ใช้วัสดุปลูกหุ้ม ห่อมัดให้ดี แล้วรีบนำไปอนุบาล บำรุง เพื่อให้ต้นไม้มีโอกาสรอดมากขึ้น ไม่ใช่ขุดแล้วนำไปพักวางไว้โดยไม่ได้ดูแลหรือขุดแบบรีบเร่งเอาปริมาณเป็นหลัก ซึ่งเวลานี้ยอมรับว่ามีความเป็นห่วงอย่างมากว่าต้นไม้ที่ถูกขุดด้วยวิธีการไม่ถูกต้องจะต้องตายลงไปอย่างน่าเสียดาย
คณบดีคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และออกแบบสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแม่โจ้ บอกว่า จากกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการในครั้งนี้ที่อาจจะทำให้ต้องสูญเสียต้นไม้จำนวนมากไปอย่างที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น เนื่องจากการออกแบบและเทคโนโลยีการก่อสร้างในปัจจุบันสามารถรักษาต้นไม้หรือสภาพแวดล้อมเดิมของบริเวณพื้นที่โครงการได้
ดังนั้น จึงอยากเรียกร้องให้มีการกำหนดว่าการดำเนินโครงการใดๆ ในอนาคตต้องรักษาพื้นที่สีเขียว ต้นไม้ หรือสภาพแวดล้อมเดิมไว้ เพราะเป็นสิ่งที่สามารถทำได้
รายงานข่าวแจ้งว่า จากการสังเกตการณ์การขุดย้ายต้นไม้ที่อยู่ในแนวก่อสร้างโครงการดังกล่าว พบว่าคนงานได้ใช้รถแบ็กโฮขนาดเล็กเข้าทำการขุดตักดินบริเวณโดยรอบโคนต้นไม้จนกระทั่งถึงรากเพื่อทำให้ต้นไม้ล้ม จากนั้นใช้เลื่อยยนต์ทำการตัดกิ่งและรากออกอย่างลวกๆ แล้วปล่อยทิ้งไว้ ก่อนที่จะมีการเคลื่อนย้ายออกไปในภายหลัง
ทั้งนี้ ยังคงเหลือต้นไม้ขนาดค่อนข้างใหญ่อีกหลายสิบต้นในแนวก่อสร้างที่ยังไม่ได้ถูกขุดโค่น แต่ถูกตัดแต่งกิ่งและทำเครื่องหมายไว้แล้วว่าจะต้องถูกดำเนินการ
