ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กระทรวงคมนาคม เดินหน้าพัฒนาคมนาคมในภูเก็ต ทั้งทางบก และทางทะเล จัดงบกว่าพันล้านบาท ทำทางลอดที่แยกบางคู และห้าแยกฉลอง เสร็จทั้งหมดอีกในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ขณะที่ทางลอดแยกสามกอง เปิดใช้ได้แน่ปลายปี 58 นี้ พร้อมปรับปรุงซ่อมแซมโครงการที่จอดเรือยอชต์ ที่อ่าวฉลองอีกกว่า 170 ล้านบาท ซ่อมแซมช่องจอดเรือยอชต์ และเขื่อนกันคลื่นลอยให้สามารถใช้งานได้ เสร็จ ก.ย.ปีหน้า
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (2 พ.ค.) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายสมัคร เลือดวงศ์หัด ผอ.แขวงการทางภูเก็ต และคณะ เดินทางมาตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างทางลอดแยกสามกอง หรือแยกโลตัส จุดตัดทางหลวงหมายเลข 402 (ถนนบายพาส) กับถนนเยาวราช อ.เมือง จ.ภูเก็ต ภายหลังจากเดินทางไปตรวจความคืบหน้าการปรับปรุงซ่อมแซมจุดจอดเรือสำราญ ของกรมเจ้าท่า ที่บริเวณท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต
โดยโครงการก่อสร้างทางลอดแยกสามกองนั้น ขณะนี้มีความคืบหน้าไปประมาณ 50% คาดว่าจะเปิดใช้งานได้ในช่วงปลายปี 2558 นี้ เป็นทางลอดที่มีความยาว 800 เมตร เมื่อรวมกับถนนที่เชื่อมต่อจะยาวทั้งสิ้น 1 กิโลเมตร 2 ทิศทาง 4 ช่องจราจร สูง 5.5 เมตร รถทุกประเภทสามารถผ่านได้ พร้อมติดตั้งระบบเครื่องสูบน้ำ ระบบไฟฟ้า และระบบอำนวยความปลอดภัย และอื่นๆ เช่น โทรศัพท์ฉุกเฉิน เครื่องดับเพลิง พัดลมระบายอากาศ และโทรทัศน์วงจรปิด เป็นต้น
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างทางลอดสามกอง ว่า การเดินทางมาภูเก็ตในวันนี้ เพื่อติดตามความคืบหน้าด้านคมนาคมในจังหวัดภูเก็ต 2 เรื่องหลักๆ ด้วยกัน คือ การก่อสร้างทางลอดจุดตัดระหว่างถนนบายพาส กับถนนเยาวราช หรือแยกสามกอง ที่ขณะนี้ทางบริษัทรับเหมาก่อสร้างได้ดำเนินการมีความคืบหน้าไปแล้วประมาณ 50% แม้จะมีความล่าช้ากว่ากำหนดไปบ้าง 8-9% แต่คาดว่าจะสามารถก่อสร้างให้แล้วเสร็จเปิดใช้ได้ประมาณปลายปี 2558 นี้
ส่วนทางลอดดาราสมุทร ที่เปิดใช้ไปแล้วก่อนหน้านี้ประมาณ 1 เดือนนั้น พบว่า มีปัญหาอุบัติเหตุจราจรเกิดขึ้นบ้าง จากที่รถจักรยานยนต์ และรถสามล้อพ่วงใช้ทางลอดดังกล่าว ซึ่งในจุดนี้ทางแขวงการทางภูเก็ต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ประชุมหารือถึงแนวทางการแก้ปัญหาโดยห้ามรถจักรยานยนต์ และสามล้อพ่วงใช้ทางลอดโดยเด็ดขาด โดยจะใช้มาตรการจับปรับตั้งแต่วันที่ 15 พ.ค.นี้ เป็นต้นไป ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้รถใช้ถนนในบริเวณทางลอดดังกล่าว เพราะทางลอดเปรียบเหมือนสะพานยกระดับที่ห้ามรถจักรยานยนต์ใช้เส้นทางดังกล่าว รวมทั้งจะมีการปรับไฟจราจรให้ใช้เส้นทางขาเข้า 2 ช่องจราจร และขาออก 1 ช่องจราจร
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการจัดสรรงบประมาณของกรมทางหลวง ก่อสร้างทางลอดบริเวณแยกบางคู ต.เกาะแก้ว และทางลอดที่บริเวณห้าแยกฉลอง ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต ภายหลังการศึกษาออกแบบรายละเอียดและผลกระทบสิ่งแวดล้อมแล้วเสร็จว่า ขณะนี้กรมทางหลวง ได้รับการจัดสรรงบประมาณจากงบกระตุ้นเศรษฐกิจกลางปี 2558 สำหรับก่อสร้างทางแยกทั้ง 2 จุดแล้ว คือ ที่บริเวณแยกบางคู จำนวน 600 ล้านบาท และห้าแยกฉลอง 570 ล้านบาทแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการประกาศ TOR หาผู้รับเหมาก่อสร้างทั้ง 2 จุด โดยคาดว่าจะสามารถหาผู้รับเหมาได้ประมาณกลางเดือน มิ.ย.นี้ และจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ในช่วงปลายปี 2558 นี้ นอกจากนี้ ยังมีการจัดสรรงบประมาณอีก 200 ล้านบาท ก่อสร้างจุดกลับรถแบบเกือกม้า ที่บริเวณเกาะแก้ว และแยกมุดอกขาว ใกล้กับทางเลี้ยวเข้าสนามบินภูเก็ต ทั้งนี้เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการจราจรของจังหวัดภูเก็ตทั้งระบบ และโดยเฉพาะจากถนนเทพกระษัตรีไปยังห้าแยกฉลอง เมื่อทางลอดทั้ง 4 จุด ก่อสร้างเสร็จทั้งหมด การจราจรจะคล่องตัวเป็นอย่างมาก
นายอาคม กล่าวอีกว่า นอกจากมาตรวจความคืบหน้าการก่อสร้างทางลอดแยกสามกองแล้ว ยังได้เดินทางไปตรวจความคืบหน้าการปรับปรุงซ่อมแซมโครงการทุ่นจอดเรือยอชต์ ที่บริเวณท่าเทียบเรืออ่าวฉลอง ของกรมเจ้าท่า ที่ได้ดำเนินการก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา จนถึงปี 2549 ด้วยงบประมาณกว่า 200 ล้านบาท ทั้งที่เป็นช่องจอดเรือยอชต์ และทุ่นกันคลื่นลอยเพื่อป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมแทนการทำกำแพงกันคลื่น ทั้งนี้ เพื่อต้องการพัฒนาให้บริเวณอ่าวฉลองเป็นจุดจอดเรือยอชต์ และเรือสำราญต่างๆ จากต่างประเทศ โดยสามารถจอดเรือยอชต์ได้ 40-45 ลำ และซูเปอร์ยอชต์อีก 4-5 ลำ
แต่โครงการดังกล่าวประสบปัญหาเมื่อปี 2555 โดยถูกคลื่นขนาดใหญ่ซัดได้รับความเสียหายทั้งในส่วนของช่องจอดเรือยอชต์ และทุ่นกันคลื่นลอย ทางกรมเจ้าท่า จึงได้จัดสรรงบประมาณปี 2557 จำนวน 98 ล้านบาท ทำการปรับปรุงซ่อมแซมเขื่อนกันคลื่นลอย พร้อมทั้งทำชั้นกำแพงกันคลื่นที่มีช่องให้น้ำสามารถผ่านได้ โดยตามกำหนดจะแล้วเสร็จในเดือน พ.ย.นี้ และทางกรมเจ้าท่า ได้ของบประมาณในปี 2558 นี้ มาทำการซ่อมแซมช่องจอดเรือยอชต์ อีก 74 ล้านบาท ซึ่งจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ย.2559 ซึ่งเมื่อการซ่อมแซมทั้ง 2 ส่วนแล้วเสร็จ จะทำให้โครงการดังกล่าวสามารถรองรับเรือยอชต์ และซูเปอร์ยอชต์ได้เป็นอย่างดี