กาฬสินธุ์ - “สวนจารุวรรณ” ฟาร์มต้นแบบแหล่งพืชอินทรีย์ในจังหวัดกาฬสินธุ์ ความภูมิใจของเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จ เปิดให้คำปรึกษาปัญหาพืชและนาข้าวก่อนลงมือทำนาอินทรีย์ พร้อมเผยสูตรเด็ดเพิ่มมูลค่าข้าวอินทรีย์กินข้าวเป็นยา
วันนี้ (10 มิ.ย.) ที่สวนจารุวรรณ บ้านหนองแวงใหญ่ หมู่ 8 ต.ภูปอ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ นายวินิจ ถิตย์ผาด ได้ให้คำปรึกษาแก่เกษตรกรที่เดินทางมาขอคำปรึกษาการทำนาข้าวอินทรีย์ โดยนาข้าวของสวนจารุวรรณล่าสุดได้ผ่านการรับรองมาตรฐานของ IFOAM จากบริษัท ไบโออะกรีเสิร์ช (ไทยแลนด์) จำกัด ซึ่งเป็นมาตรฐานสากล ทั้งยังได้จัดตั้งเป็นคลินิกเกษตรอินทรีย์ เปิดให้คำปรึกษาโรคดิน โรคพืช มีระบบ Smart Farmer
ถือเป็นต้นแบบของการทำนาข้าวอินทรีย์ที่ใช้ธรรมชาติคุ้มครองพืชผลทางการเกษตรไม่ใช้สารเคมี โดยพื้นที่กว่า 84 ไร่ ขุดบ่อ 10 ไร่ มีการทำนาข้าวอินทรีย์ 10 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ปลูกข้าวหอมมะลิ 105 ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี ข้าวมะลิดำ ข้าวมะลิแดง และข้าวเหนียวดำ เป็นหนึ่งในเกษตรกรจาก 54 รายที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานสากลที่เริ่มเปิดระบบเป็นสวนเกษตรอินทรีย์มาตั้งแต่ปี 2552 หลังเกษียณอายุราชการในตำแหน่งเกษตรอำเภอ
นายวินิจ ถิตย์ผาด เจ้าของสวนจารุวรรณ กล่าวว่า การปลูกข้าวอินทรีย์ของสวนจารุวรรณได้ทำมานานกว่า 10 ปี ส่วนการเตรียมแปลงเพื่อการรับรองมาตรฐาน IFOAM นั้นได้เตรียมแปลงนาข้าวพื้นที่ 10 ไร่มาตั้งแต่เดือน ธ.ค. 57 ที่คันดินจะต้องสูงอย่างน้อย 1 เมตร แต่ของที่สวนจารุวรรณคันดินสูงประมาณ 3 เมตร มีระบบน้ำจากการขุดสระใช้เองโดยใช้พลังงานแสงอาทิตย์แผงโซลาร์เซลล์เป็นกลไกหลักในกระบวนการปั่นน้ำเข้านาข้าว
ขณะที่การเตรียมดินจะเริ่มตั้งแต่การไถกลบตอซังข้าว ใช้น้ำหมักสูตรพิเศษของทางฟาร์มที่ใช้ใบสาบเสือ สรรพคุณฆ่าแบคทีเรีย ฆ่าเชื้อ ใบตะไคร้หอม เพื่อไล่แมลง หน่อกล้วยน้ำว้าที่เป็นตัวเร่งการเจริญเติบโตในนาข้าว นอกจากนี้ ยังใช้วิธีการหว่านปอเทืองและไถกลบ 2 รอบเพื่อเพิ่มไฮโดรเจนในดิน
โดยจะทำให้ดินในนาข้าวมีไฮโดรเจนมากถึง 200 กิโลกรัมต่อไร่ มีแนวกันชนรอบนาข้าว 3 ระดับ ทั้งตะไคร้ หญ้าแฝก และกล้วยน้ำว้า ผลผลิตเฉลี่ย 520 กิโลกรัมต่อไร่ ผลผลิตต่อฤดูกาลผลิตข้าว 5 ชนิดประมาณ 1 ตันในข้าวนาปี ส่วนข้าวนาปรังจะเน้นการปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี สรุปในแต่ละปีนาข้าวของสวนจารุวรรณและเครือข่ายนาข้าวอินทรีย์มีประมาณ 30 ตัน และวางจำหน่ายหมดทุกปี
“โดยในฤดูกาลผลิตปีนี้ได้เริ่มการเตรียมแปลงไว้แล้ว ที่จะมีการหว่านกล้า ใช้แรงงานคนในการปักดำแบบแถวเดี่ยวระยะห่าง 40x40 ซม. โดยข้าวที่นี่ไม่จำเป็นต้องให้ปุ๋ย แต่มีการควบคุมน้ำให้เป็นระบบ และการทำนาข้าวโดยการศึกษาและเรียนรู้ตามธรรมชาติของข้าวแต่ละประเภทยังทำให้รู้ว่าข้าวเป็นพืชไม่ใช้น้ำ”
แต่เป็นพืชทนน้ำ กลายเป็นกลวิธีในการที่จะใช้ฆ่าโรคเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และหนอนกอในนาข้าวได้ โดยนาข้าวที่กำลังประสบปัญหานี้ต้องปล่อยน้ำให้แห้งไม่ต้องกลัวต้นข้าวตาย เมื่อน้ำแห้งโรคในนาข้าวก็จะหายไปเอง และเมื่อจะเก็บเกี่ยวข้าวจึงปล่อยน้ำลงแปลงนาข้าวหล่อเลี้ยงต้นข้าวในระดับ 5-10 ซม.
“ขณะที่การเก็บเกี่ยวจะเริ่มเก็บเกี่ยวหลังจากข้าวออกรวง 25 วันเพื่อคุณค่าและโภชนาการ โดยทางไร่คำนึงในส่วนของการบริโภคข้าวเพื่อเป็นยา แต่ไม่กินยาแทนข้าว โดยข้าว 5 ชนิดของทางสวนจารุวรรณยังนำมาแพกกิ้งนำข้าวมาผสมเป็นสัดส่วนทั้งสูตรข้าวสี่พระยา ข้าว 5 พลัง และข้าว 3 ดี ซึ่งตรงนี้จะเหมาะสำหรับผู้บริโภคที่รักษ์สุขภาพ ผู้ที่มีโรคประจำตัวได้บริโภคได้ในการหุงครั้งเดียว” นายวินิจกล่าว
นายวินิจกล่าวอีกว่า การนำข้าวอินทรีย์ที่ปลูกในสวนมาแพกกิ้งเป็นสูตรสำเร็จข้าวรูปแบบต่างๆ เป็นการนำเอาสรรพคุณของข้าวแต่ละตัวมารวมกันเพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ประหยัด และเพิ่มรสชาติในการรับประทานที่หลากหลาย อย่างข้าวหอมนิลมีสรรพคุณชะลอความแก่ ป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง บำรุงสายตา ช่วยระบบขับถ่าย ขณะที่ข้าวกล้องก็มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย รูปแบบสำเร็จข้าวสารอย่างข้าว 5 พลัง ซึ่งเป็นแพกกิ้งที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุด ภายใน 1 ถุงขนาด 1 กก.
ประกอบด้วย ข้าวกล้องหอมมะลิ 105 ข้าวกล้องหอมมะลิแดง ข้าวกล้องหอมมะลิดำ หรือข้าวกล้องไรซ์เบอร์รี ข้าวกล้องข้าวเหนียวดำ และข้าวกล้องหอมนิล ขายในราคา กก.ละ 100 บาท มีคุณค่าทางโภชนาการมากมาย ทั้งช่วยฟื้นฟูแขนขาอ่อนแรง ป้องกันโรคเหน็บชา โรคหลงลืม ป้องกันโรคโลหิตจาง ชะลอความแก่ และต้านมะเร็งต่างๆ เป็นต้น โดยเคล็ดลับนี้ได้มาจากการที่เราผู้ผลิตข้าวมุ่งมั่นในการดูแลสุขภาพของผู้บริโภคด้วยอาหารที่เลิศค่า และเป็นยาเลิศคุณ
ส่วนความสำเร็จของการทำนาอินทรีย์ของสวนจารุวรรณนับเป็นความภาคภูมิใจที่ได้ผลิตข้าวคุณภาพเพื่อผู้บริโภคทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่รักษ์สุขภาพ และพร้อมที่จะเปิดกว้างให้แก่ผู้ที่สนใจเข้ามาติดต่อสอบถามได้ตลอดเวลา หรือจะโทร.สอบถามได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-4321-6553