แก๊งขายข้าวห่วยโผล่อาละวาดเมืองน่าน ชาวบ้านโดนตุ๋นแล้วหลายราย

น่าน - แก๊งมิจฉาชีพโผล่อาละวาดเมืองน่าน หลอกขายข้าวห่วยให้ชาวบ้าน-ร้านค้า อ้างเอาข้าวมาส่งสหกรณ์แล้วเหลือ ขายให้ราคาถูกกว่าปกติ พอเอาไปหุง-นึ่งกลายเป็นข้าวด้อยคุณภาพ ล่าสุดมีคนตกเป็นเหยื่อแล้วหลายราย

วันนี้(20 พ.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านป่าหัด หมู่ 1 ต.ม่วงตึ๊ด อ.ภูเพียง จ.น่าน ถูกแก๊งมิจฉาชีพตระเวนนำข้าวด้อยคุณภาพบรรจุกระสอบมาหลอกขายชาวบ้าน จนได้รับความเดือดร้อน พร้อมเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ และเตือนภัยสังคม โดยเชื่อว่ามีคนถูกหลอกเสียเงินอีกหลายราย

นางพิศมัย วุฒิ อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 หมู่ 1 บ้านป่าหัด ต.ม่วงตึ๊ด เจ้าของร้านขายของชำในหมู่บ้าน เปิดเผยว่า ได้รับคำแนะนำจากญาติ ที่ได้ซื้อข้าวจากผู้ชายที่ขับรถกระบะสีดำ ป้ายทะเบียนจ.พิษณุโลก ซึ่งอ้างว่านำข้าวมาลงขายให้กับร้านค้าสหกรณ์ในหมู่บ้านแล้วข้าวเหลือ จึงได้นำมาขายให้กับร้านค้าในหมู่บ้าน เพราะจะรีบเดินทางกลับจ.เชียงราย จึงได้ซื้อข้าวกระสอบเป็นข้าวจ้าวหอมมะลิ 1 กระสอบ ราคา 1,200 บาท และข้าวเหนียว 2 กระสอบ ราคากระสอบละ 1,000 บาท รวม 3,200 บาท ซึ่งราคาถูกกว่าปกติกระสอบละ 200-300 บาท เพื่อจะนำมาแบ่งขายที่ร้าน

แต่ปรากฏว่าข้าวทั้ง 3 กระสอบเป็นข้าวไม่มีคุณภาพทั้งหมด เมื่อนำไปหุงจะพบว่าเมล็ดร่วน ไม่มีกลิ่นหอม ทำให้ทราบว่าถูกหลอกขายข้าวด้อยคุณภาพ

ขณะที่นางจารุวรรณ วุฒิ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 147 หมู่ 1 บ้านป่าหัด ต.ม่วงตึ๊ด เจ้าของร้านอาหารครัวกันเอง เล่าว่า มีผู้หญิงและผู้ชายขับรถกระบะสีดำ มาจอดแวะพักในร้าน ชวนพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะขอร้องให้ช่วยซื้อข้าวสารกระสอบ ที่นำมาลงขายให้กับร้านค้าสหกรณ์หมู่บ้าน แต่ลงไม่หมด เพราะต้องรีบเดินทางกลับจ.เชียงราย โดยได้พาไปแทงกระสอบข้าวสาร เพื่อนำตัวอย่างข้าวออกมาให้ดูก่อน ซึ่งเห็นว่าเป็นเมล็ดข้าวที่ดีมีคุณภาพ และเป็นยี่ห้อที่เคยซื้อเป็นประจำ จึงตกลงซื้อข้าวเหนียวไว้ 1 กระสอบ

จากนั้นผู้ชายคนขายได้ไปยกกระสอบจากท้ายรถกระบะมาให้ ซึ่งไม่ใช่กระสอบที่มีการเจาะดูเนื้อเมล็ดข้าว และด้วยกระสอบมีการปิดมิดชิด ทำให้ไม่ได้ตรวจสอบข้าวก่อน และทั้งคู่ก็รีบเดินทางออกไป โดยให้เบอร์โทรศัพท์ติดต่อไว้

แต่เมื่อนำข้าวมานึ่งก็พบว่าเป็นข้าวไม่มีคุณภาพ ซึ่งเมื่อติดต่อไปตามเบอร์โทรศัพท์ ก็พบว่าเป็นหมายเลขที่ยังไม่ได้เปิดใช้บริการ จึงรู้ว่าถูกหลอกขายข้าว จึงขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ เพื่อเป็นการแจ้งเตือนภัยประชาชนด้วย โดยเฉพาะร้านค้า ร้านอาหาร ที่เป็นเป้าหมาย เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ต้องใช้ข้าวปริมาณมาก