ชัยนาท - สองสามีภรรยาชาวชัยนาทสู้ชีวิต ในอดีตเคยมีฐานะยากจน และประกอบอาชีพเป็นกรรมกรรับจ้างแบกข้าวเปลือกขึ้นรถบรรทุก หันมาเลี้ยงแพะส่งขายตลาดในประเทศ และต่างประเทศ สร้างรายได้ดีกว่า 10 เท่าตัว เตรียมขยายโรงเรือนเพื่อเลี้ยงแพะขุนเพิ่มเติมอีก 50 ตัว เพราะยังเป็นที่ต้องการของตลาด
นายวิรักษ์ แตงงาม อายุ 52 ปี และนางชูศรี แตงงาม อายุ 45 ปี สองสามีภรรยา อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 77/1 ม.9 ต.โพงาม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท ในอดีตเคยมีฐานะยากจน และประกอบอาชีพเป็นกรรมกรรับจ้างแบกข้าวเปลือกขึ้นรถบรรทุก ต้องทำงานหนักตลอดเกือบ 10 ปี จนร่างกายทรุดโทรม แต่ครอบครัวกลับมีรายได้เพียงเดือนละ 6,000 บาท
ต่อมา นายวิรักษ์ แตงงาม และนางชูศรี แตงงาม สองสามีภรรยา จึงได้เปลี่ยนอาชีพจากกรรมกรแบกหามมาเลี้ยงแพะพันธุ์บอร์ และแพะขุน ส่งขายตลาดในประเทศ และต่างประเทศแทน ปรากฏว่า อาชีพใหม่นี้ได้สร้างรายได้ให้แก่สองสามีภรรยาเพิ่มขึ้นกว่า 10 เท่าตัว ช่วยทำให้ครอบครัวลืมตาอ้าปากได้ และไม่ต้องทำงานหนักจนร่างกายทรุดโทรมอีก
นายวิรักษ์ แตงงาม เปิดเผยว่า เมื่อ 20 กว่าปีก่อนครอบครัวของตนมีฐานะยากจน อาศัยอยู่บ้านที่เป็นกระต๊อบหลังเล็กๆ ตน และภรรยาประกอบอาชีพรับจ้างแบกข้าวเปลือก และรับจ้างทั่วไป รายได้ทั้งครอบครัวเดือนละประมาณ 6,000 บาท ต้องออกไปรับจ้างแบกข้าวตั้งแต่เช้ายันค่ำเกือบทุกวัน ทำให้ร่ายกายทรุดโทรม และเหนื่อยล้ามาก
“ผลจากการแบกข้าวเปลือกที่มีน้ำหนักมากเกือบทุกวัน ทำให้ผมได้รับบาดเจ็บกระดูกสันหลังแตกจนต้องเข้ารับการผ่าตัด ไม่สามารถทำงานแบกหามได้ต่อไป และหลังจากนั้น ได้ไปเห็นเพื่อนที่เป็นเกษตรกรเลี้ยงแพะแล้วมีรายได้ดี ผมและภรรยาจึงตัดสินใจเปลี่ยนอาชีพมาเลี้ยงแพะแทน โดยไปขอยืมเงินเพื่อนสนิท จำนวน 150,000 บาท มาลงทุนทำคอก และซื้อแพะพันธุ์ลูกผสมมาเลี้ยง จำนวน 40 ตัว ในปีแรกที่เลี้ยงมีรายได้แค่เท่าทุน แต่ปีต่อๆ มาก็มีรายได้เพิ่มขึ้นและสามารถใช้หนี้เงินยืม 150,000 บาทได้หมดภายใน 2 ปี”นายวิรักษ์ กล่าว
ปัจจุบัน ครอบครัวนายวิรักษ์ ได้ขยายการเลี้ยงแพะจนเป็นฟาร์ม ชื่อ “วรัญญาฟาร์ม” มีแพะอยู่ทั้งหมด 230 ตัว เป็นแพะพันธุ์บอร์ และลูกผสม จำนวน 180 ตัว และแพะขุน ที่นายวรเชษฐ แตงงาม อายุ 23 ปี ลูกชาย เป็นผู้เลี้ยงอีก จำนวน 50 ตัว ซึ่งแพะของวรัญญาฟาร์ม เป็นที่รู้จักของตลาดว่า ที่นี่มีแพะพันธุ์ดี และสวยงาม การันตีด้วยรางวัลที่ชนะการประกวดแพะมาแล้วหลายเวที มีลูกค้าทั้งชาวไทย และชาวเวียดนามมาติดต่อขอซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยราคาจำหน่ายแพะพันธุ์บอร์ อยู่ที่ตัวละ 8,000-25,000 บาท ส่วนแพะขุน จำหน่ายที่กิโลกรัมละ 95 บาท
ทั้งนี้ การเปลี่ยนอาชีพมาเลี้ยงแพะได้ช่วยให้นายวิรักษ์ และครอบครัวมีรายได้อย่างต่ำเดือนละ 60,000 บาท มากกว่าตอนที่ประกอบอาชีพเป็นกรรมกรแบกหามกว่า 10 เท่าตัว แถมไม่ต้องทำงานหนักจนร่างกายทรุดโทรม ขณะนี้จึงเตรียมขยายโรงเรือนเพื่อเลี้ยงแพะขุน เพิ่มเติมอีก 50 ตัว เพราะยังเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะลูกค้าชาวเวียดนามที่เข้ามารับซื้อแพะขุนถึงในฟาร์ม
