ทีมทนายลุยแม่เมาะ-พบ กฟผ.ทำเสร็จข้อเดียว แค่จ่ายชดเชย-แต่เปิดตีกอล์ฟปกติ

ลำปาง - อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ สภาทนายฯตามส่อง กฟผ.แม่เมาะ หลังศาลปกครองสูงสุดสั่งแก้ไขผลกระทบให้ชาวบ้านรอบโรงไฟฟ้า 5 ข้อ พบวันนี้ทำเสร็จข้อเดียว แค่จ่ายเงินชดเชย ขณะที่การอพยพยังไม่คืบ แถมเปิดสนามกอล์ฟเล่นตามปกติ

วันนี้(31 พ.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมงานสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ นำโดยนายสุวิทย์ เชยอุบล อุปนายกฝ่ายปฎิบัติการ พร้อมทีมทนายอีก 5 คน ได้ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินการของ กฟผ.ตามตำสั่งศาลปกครอง พร้อมเปิดรับเรื่องร้องเรียนของชาวบ้านเพื่อช่วยเหลือด้านคดี ที่ศาลาเอนกประสงค์บ้านใหม่ฉลองราษฎร์ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง สุดสัปดาห์นี้

ทีมสภาทนายความ ได้ยืนยันกับชาวบ้าน ซึ่งมาร่วมรับฟังเกือบ 400 คน ว่า สภาทนายความ เข้ามาช่วยเหลือด้านคดีให้กับชาวบ้านโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ดังนั้นหากมีทนายคนไหนมาเรียกร้องค่าตอบแทน ขอให้แจ้งไปที่สภาทนายความ ได้ทันที จากนั้นได้ซักถามปัญหาของชาวบ้านที่ยื่นฟ้อง และศาลสั่งจ่ายค่าชดเชยไปก่อนหน้านี้ว่า มีปัญหาหรือมีรายใดที่ยังไม่ได้รับเงินอีกบ้าง ซึ่งทุกรายได้รับเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว

เมื่อเปิดโอกาสให้ชาวบ้านที่มีปัญหาในด้านต่างๆที่ต้องการขอความช่วยเหลือด้านคดีให้นำเสนอปัญหา ก่อนที่จะแยกกลุ่มให้ชาวบ้านลงชื่อ เป็น 4 กลุ่มคือ 1.กลุ่มที่อพยพออกมาอยู่ที่อยู่ใหม่แต่ยังไม่ได้เอกสารสิทธิ์ทั้งๆที่อยู่มาร่วม8 ปีและต้องการให้รัฐออกเอกสารสิทธิ์ในที่ดินให้ 2.กลุ่มที่อพยพมาแล้ว แต่ยังไม่ได้รับค่าชดเชยในทรัพย์ 3.กลุ่มประชาชนที่ต้องการอพยพออกจากที่เดิมตามคำสั่งศาลซึ่งอยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตร

และ 4. กลุ่มประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการดำเนินงานของ กฟผ. อาทิ การพาดผ่านสายไปแรงสูงเข้าในพื้นที่บ้านของชาวบ้าน และการไล่พนักงานออกหลังจากพนักงานเปิดเผยข้อมูลอันเป็นผลกระทบต่อสาธารณะสุดท้ายศาลพิพากษาว่า กฟผ.ต้องแก้ไขสิ่งที่บกพร่องจริง เป็นต้น

จากนั้นทีมงานได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดต่างๆภายใน กฟผ.แม่เมาะ ที่ศาลปกครองสูงสุด สั่งให้ กฟผ.ดำเนินการ ซึ่งทีมทนายความ ได้เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบ และสอบถามชาวบ้านทราบว่า กฟผ.ยังไม่ได้ดำเนินการครบถ้วนตามคำสั่งศาล ซึ่งสิ่งที่ได้ทำเสร็จสิ้นแล้ว มีเพียงข้อเดียวคือ การจ่ายค่าชดเชยให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบ ส่วนที่ดำเนินการไปบางส่วนคือ การตั้งกรรมการเพื่อพิจารณาอพยพชาวบ้านที่อยู่ในรัศมี 5 กิโลเมตรออกนอกพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ได้ตั้งกรรมการแล้ว แต่อยู่ระหว่างการดำเนินการสอบถามชาวบ้าน

ส่วนข้ออื่นๆยังไม่มีการดำเนินการใดๆรวมถึงสนามกอล์ฟ ขณะนี้ก็ยังมีการเล่นกอล์ฟกันตามปกติ ซึ่งทางสภาทนายความ จะได้ร้องขอให้ศาลบังคับคดีให้กับชาวบ้านต่อไป

ทั้งนี้ตามคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด ที่ให้ กฟผ.ดำเนินการ 5 ข้อ ประกอบด้วย 1.ทำการติดตั้งม่านน้ำเพื่อลดฝุ่นละอองในบรรยากาศ ความยาว 800 เมตร ระหว่างที่ทิ้งดินด้านทิศตะวันออกและด้านทิศตะวันตก 2.จัดตั้งคณะทำงานระดับท้องถิ่นและผู้เชี่ยวชาญร่วมกันพิจารณาในการอพยพราษฎรที่ได้รับผลกระทบที่อาจนำไปสู่อันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินและมีความประสงค์จะอพยพในการอพยพหมู่บ้านออกนอกรัศมีผลกระทบ 5 กิโลเมตร

3.ให้ฟื้นฟูขุมเหมืองให้ใกล้เคียงกับสภาพเดิมตามธรรมชาติ โดยการถมดินกลับในบ่อเหมืองให้มากที่สุดและปลูกป่าทดแทนในส่วนที่มีการนำไปทำเป็นสวนพฤกษชาติและสนามกอล์ฟ 4.ให้นำพืชที่ปลูกใน Wetland ไปกำจัดและปลูกเสริมทุก 18 เดือน และต้องทำการขุดลอกเพื่อเปลี่ยนทิศทางการไหลของน้ำใน Wetland

และ 5.ให้ทำการขนส่งเปลือกดินโดยใช้ระบบสายพานที่มีการติดตั้งระบบสเปรย์น้ำตามแนวสายพาน ให้วางแผนจุดปล่อยดิน โดยให้ตำแหน่งที่ปล่อยดินไม่อยู่ในตำแหน่งต้นลมที่พัดผ่านไปยังชุมชนที่อยู่โดยรอบ ให้กำหนดพื้นที่ Buffer Zone ระยะจุดปล่อยดินกับชุมชนให้เป็นระยะทางไม่น้อยกว่า 50 เมตร และควรจัดทำ Bunker Zone ให้จุดปล่อยดินอยู่ต่ำกว่าความสูงของ Bunker ในการปล่อยดินลงที่เก็บกองดินนั้นจะต้องกำหนดเป็นตารางที่แน่นอน โดยใช้ฤดูเป็นเกณฑ์ในการตัดสินตำแหน่งที่จะต้องห่างจากชุมชนมากที่สุด โดยให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน คือ วันที่ 20 พ.ค.58 ที่ผ่านมา