xs
xsm
sm
md
lg

อึ้ง! ชาวบ้านเดินหน้าไล่พระ-ปิดวัดป่าเมืองปาย บอกกลัวฮุบป่าช้าจนไม่มีที่เผาศพ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ผู้นำชุมชน พร้อมชาวบ้านเดินหน้าไล่พระ-ปิดที่พักสงฆ์ป่าช้าเวียงเหนือเมืองปาย บอกกลัวฮุบที่ป่าช้าจนไม่มีที่เผาศพ แถมมีขู่ไม่รู้ใครเป็นใคร รับรองความปลอดภัยกันไม่ได้

วันนี้ (13 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากกลุ่มผู้นำชุมชน-ชาวบ้าน ต.เวียงเหนือ อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ออกมาเคลื่อนไหวพยายามขับไล่พระสงฆ์ที่จำวัดอยู่ภายในที่พักสงฆ์ป่าช้าเวียงเหนือ ติดถนนสาย ต.แม่ฮี้-ต.เวียงเหนือ ล่าสุดปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการประชุมหารือในกรณีพิพาทระหว่างผู้นำชุมชน และชาวบ้าน กับพระสงฆ์ ณ ห้องประชุมชั้น 2 ของที่ว่าการอำเภอปาย

โดยมีนายจรัญ ปัญญาวีร์ ปลัดอาวุโส เป็นประธานในที่ประชุมแทนนายบุญเกื้อ คุณาธารกุล นายอำเภอปาย ซึ่งติดราชการต่างจังหวัด และมีตัวแทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งที่ดินอำเภอ, หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มส.4 ( ทุ่งยาว) พร้อมทั้งทหาร-ตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และผู้นำชุมชน, นายก อบต.เวียงเหนือ, กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่นำชาวบ้านมาร่วมประชุมนับร้อยคน ทั้งๆ ที่ได้มีการแจ้งเชิญเพียงผู้นำชุมชน และตัวแทนชาวบ้านหมู่บ้านละหนึ่งคนเท่านั้นเพื่อป้องกันความวุ่นวาย

นายจรัญได้ให้ทางชาวบ้านชี้แจงเหตุผลการขับไล่พระสงฆ์ ซึ่งสรุปได้ว่าชาวบ้านไม่พอใจ กลัวว่าพระสงฆ์จะรุกล้ำที่ป่าช้าทำให้ไม่มีที่เผาศพกัน และเคยเกิดกรณีการทะเลาะวิวาทกันของพระสงฆ์ที่เคยจำวัดในอดีต รวมถึงเหตุการณ์พระที่เคยมาจำวัดในที่พักสงฆ์ฯ แห่งนี้ ได้สึกออกไปไปได้ภรรยาชาวบ้านมาเป็นภรรยาตัวเองเมื่อ 6 ปีมาแล้ว

จากนั้นเจ้าหน้าที่ที่ดิน อ.ปาย ก็ได้ชี้แจงถึงพื้นที่ของป่าช้าว่า ได้รังวัด และออกเอกสารเป็นใบหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.) เลขที่ 6008 อนุญาตให้ใช้ที่หลวงเป็นป่าช้าบ้านเวียงเหนือสาธารณประโยชน์ ส่วนพื้นที่แปลงติดกันที่ใช้เป็นที่พักสงฆ์ติดป่าช้าเวียงเหนือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “วัดป่าเวียงเหนือ” ก็ได้มีการสอบเขต ปักหมุดวัดกันพื้นที่ไว้สำหรับการขออนุญาตเป็นสำนักสงฆ์ต่อไปในอนาคตแล้ว ซึ่งพื้นที่ของที่พักสงฆ์ตามสถานะทางกฎหมายอยู่ในพื้นที่ของเขตป่าสงวนแห่งชาติ ไม่ใช่พื้นที่สาธารณะของชุมชนตามที่ผู้นำและชาวบ้านเข้าใจแต่อย่างใด

ด้านเจ้าหน้าที่จากหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มส.4 (ทุ่งยาว) อ.ปาย ได้ชี้แจงว่า ที่พักสงฆ์แห่งนี้ได้มีการยื่นขอใช้พื้นที่ของป่าสงวนแห่งชาติเพื่อเป็นที่พำนักและปฏิบัติธรรมอย่างถูกต้อง และอยู่ในส่วนที่เป็นพื้นที่กันไว้เพื่อยื่นขอเป็นสำนักสงฆ์ต่อไป และได้ขึ้นอยู่กับโครงการพุทธอุทยาน กรมป่าไม้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2552 พระสงฆ์สามารถที่จะพำนักปฏิบัติธรรมต่อไปได้ เพราะเป็นพื้นที่ในการดูแลของเขตป่าสงวนแห่งชาติ ไม่ใช่พื้นที่สาธารณประโยชน์ของชุมชนเหมือนอย่างเขตที่มีเอกสาร นสล. เช่นเขตของป่าช้าแต่อย่างใด

พ.ท.ธนารักษ์ พรหมสิทธิ์ รอง ผบ.ร.7 พัน.5 ในฐานะตัวแทนฝ่ายทหารในพื้นที่ ได้กล่าวในที่ประชุมว่า ครั้งนี้เป็นการเชิญแต่ละฝ่ายมาให้ข้อมูล ทั้งทางด้านผู้นำชุมชน พระ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และจะได้นำข้อมูลนี้ไปปรึกษาหารือกันในส่วนของฝ่ายบ้านเมืองเพื่อหาข้อยุติที่เป็นธรรม ถูกต้องตามกฎหมาย และเป็นบรรทัดฐานที่ดีต่อไปในอนาคต

แต่ปรากฏว่ากลุ่มชาวบ้านยังคงขับไล่พระสงฆ์ให้ออกไปจากที่พักสงฆ์ รวมถึงระบุด้วยว่า ถ้าหากพระสงฆ์จะอยู่ต่อก็ไม่เป็นไร แต่ลูกบ้านมีเยอะ ไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ไม่สามารถที่จะรับรองความปลอดภัยให้ได้

จนในที่สุด นายจรัญ ปัญญาวีร์ ปลัดอาวุโส ที่เป็นประธานในที่ประชุม ได้ขอร้องชาวบ้านออกจากห้องประชุมไปก่อนเพื่อความปลอดภัยและป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง ก่อนปิดห้องเจรจากัน โดยทางฝ่ายผู้นำชุมชนยืนกรานที่จะให้พระสงฆ์ออกจากที่พักสงฆ์ทันที แต่ก็ได้มีการต่อรองจากทางฝ่ายบ้านเมืองว่า ขอเวลาถึงสิ้นเดือนพฤษภาคม 58 เพื่อให้ทางพระสงฆ์ได้มีการเตรียมตัวก่อน

พระอาจารย์ไพรบูล เตชะปัญโญ ประธานสงฆ์ที่พำนักในที่พักสงฆ์ป่าช้าเวียงเหนือ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ที่พักสงฆ์แห่งนี้ ในอดีตมีพระธุดงค์สายหลวงปู่มั่น ซึ่งเป็นพระป่าสายอีสาน ได้ผ่านทางมาเรื่อยๆ และได้ปักกลดพักค้างที่บริเวณป่าข้างป่าช้าของชาวบ้านเวียงเหนือ จนมีศรัทธามาสร้างที่พักที่คุ้มแดดคุ้มฝนไว้ให้ ซึ่งได้มีมาเป็นทางการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2522 ต่อมามีการสร้างศาลาปฏิบัติธรรม มีกุฏิเพิ่มขึ้นมา โดยที่ยังคงมีลักษณะสันโดษไม่ได้ใหญ่โตหรูหรา และไม่ได้รุกพื้นที่ป่าสงวน หรือป่าช้าไปแต่อย่างใด ซึ่งสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ก็มีมานานแล้ว

ทั้งนี้ ที่พักสงฆ์ป่าช้าเวียงเหนือได้รับการเรียกขานอย่างไม่เป็นทางการจากชาวบ้านทั่วไปว่า “วัดป่าเวียงเหนือ” มีพระธุดงค์ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาพำนักปฏิบัติธรรมเป็นประจำมานานแล้ว และเคยมีปัญหาตามที่ชาวบ้านพูดถึงเมื่อหลายปีก่อน พระที่ก่อเรื่องก็ได้ออกจากวัดไปนานแล้ว ส่วนพระที่จำวัดในปัจจุบันไม่ได้กระทำผิดพระธรรมวินัย หรือทำเรื่องผิดกฎหมายบ้านเมือง

“ตามธรรมเนียมปฏิบัติที่ควรเป็น ถ้าพระสงฆ์ทำผิดอะไรก็ต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายบ้านเมือง ไม่ว่าจะไปแจ้งความที่โรงพัก ไปแจ้งฝ่ายความมั่นคงคือศูนย์ดำรงธรรมบนที่ว่าการอำเภอ และแจ้งอธิกรณ์ไปที่ฝ่ายปกครองของสงฆ์คือเจ้าคณะในระดับชั้นต่างๆ แต่สำหรับครั้งนี้ไม่มีความผิดอะไรที่ระบุชัดแล้วมีการดำเนินการแบบนั้นเลย”

พระราชวินัยโสภณ เจ้าอาวาสวัดป่าดาราภิรมณ์ จ.เชียงใหม่ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน-แม่ฮ่องสอน (ธ) พระผู้ใหญ่ปกครองสงฆ์สายธรรมยุติกนิกาย ได้ระบุว่า รู้สึกเห็นใจ อยากทำความเข้าใจกับชาวบ้าน และขอความอนุเคราะห์จากฝ่ายบ้านเมืองช่วยดูแลความปลอดภัยของพระสงฆ์ด้วย และขอให้ดำเนินการให้ถูกต้องทั้งทางกฎหมายบ้านเมือง และศีลธรรม

อนึ่ง เป็นที่น่าสังเกตว่าที่พักสงฆ์ป่าช้าเวียงเหนือที่กำลังเกิดกรณีพิพาทกันอยู่นั้น ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และพื้นที่ด่านหลังทั้งหมดของที่พักสงฆ์ก็อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเช่นกัน แต่มีการก่อตั้งบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง และมีการทำสวนทำไร่กันอย่างชัดเจน นอกจากนี้ยังมีการประกาศขายที่ดิน สร้างที่พักให้แก่ชาวต่างชาติอีกด้วย










กำลังโหลดความคิดเห็น