ศูนย์ข่าวศรีราชา - ชาวสัตหีบฮือฮา พบพระธุดงค์ปักกลดปฏิบัติธรรมกรรมฐานอยู่บนหลุมฝังศพไร้ญาติ แผ่ส่วนบุญส่วนกุศลแด่ดวงวิญญาณไร้ญาติให้ได้ไปผุดไปเกิดในสุสานมาบฟักทอง ที่ถูกขนานนาม “เฮี้ยนที่สุดในภาคตะวันออก”
วันนี้ (4 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้ไปตรวจสอบในป่าช้าศพไร้ญาติ สุสานมาบฟักทอง มูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ จ.ชลบุรี หลังชาวบ้านร่ำลือมีพระธุดงค์รูปหนึ่งมาปักกลดปฏิบัติธรรมกรรมฐานอยู่เพียงลำพังนานนับเดือน โดยไม่เคยมีปรากฏมาก่อน จนเป็นที่วิพากษ์พิจารณ์ไปต่างๆ นานา ถึงการที่พระธุดงค์รูปนี้หายเข้าไปในสุสาน ใช้ชีวิตปฏิบัติกิจสงฆ์อยู่เช่นไร ไม่เกรงกลัวภูตผีวิญญาณบ้างหรือไง จึงได้ติดต่อผ่านมาทางสื่อ เพื่อเข้ามาเจาะลึกเปิดเผยความจริงให้ปรากฏสู่สังคม
การเดินทางเข้าไปยังสุสานมาบฟังทอง หรือสถานที่ที่ถูกขนานนามว่า เป็นสุสานศพไร้ญาติที่เฮี้ยนที่สุดในภาคตะวันออกหลังตะวันตกดินไปแล้ว ไม่มีแม้ผู้ใดกล้าย่างกรายเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ เพราะเชื่อกันว่า มีดวงวิญญาณไร้ญาติสถิตอยู่นับพันดวง แม้การเดินทางเข้าไปค้นหาความจริงเป็นช่วงเช้า แต่บรรยากาศก็ยังพาวังเวงชวนขนหัวลุก ซึ่งจุดที่พบพระธุดงค์รูปนี้ปักกลดอยู่นั้น เห็นต้องถึงกับตกตะลึง เพราะอยู่บนหลุมฝังศพไร้ญาติ ที่ด้านใต้แผ่นปูนปิดหลุม มีโครงกระดูกศพไร้ญาตินับร้อยชีวิต
เมื่อสอบถามถึงที่มาที่ไปจนทราบว่า ชื่อพระครูปลัด ชนินท์พัฒณ์ แก้วกัลยา อายุ 35 ปี พื้นเพเป็นชาวแขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. สังกัดวัดกันมาตุยาราม บวชจำพรรษา 12 พรรษา และเดินสายปฏิบัติธรรมกรรมฐานมาโดยตลอด กระทั่งหลังรับกฐินออกพรรษาช่วงเดือนตุลาคมปี 57 ได้ตัดสินใจออกเดินธุดงค์มาปักกลดยังสุสานแห่งนี้ ซึ่งไม่ใช่เป็นการอุตริ ฝึกวิชาไสยเวทย์อาคม หรือนำพระธรรมคำสอนมาใช้ในทางที่ผิด แต่เพียงต้องการนำกุศลบุญที่ได้สร้างสมมา อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลแผ่แด่ดวงวิญญาณไร้ญาตินับพันดวง ที่ยังไม่ได้ไปเวียนว่ายตายเกิด ยังสถิตอยู่ยังสุสานแห่งนี้ได้รับบุญกุศลเพื่อปลดกรรม และได้ไปเกิดยังภพภูมิต่างๆ นอกจากนี้ ยังต้องการพิสูจน์ว่าดวงวิญญาณ หรือโลกหลังความตายมีอยู่จริงหรือไม่ เพื่อให้รู้แจ้งเห็นจริง ตามหลักคำสอบพระพุทธศาสนา ที่มีความเชื่อว่าผู้ทำดีย่อมได้ขึ้นสวรรค์ ส่วนผู้ก่อกรรมต้องตกนรก
นอกจากนั้น การมาธุดงค์ครั้งนี้ได้มีการแจ้งเป็นหนังสือขออนุญาตต่อคณะกรรมการมูลนิธิสว่าง เพื่อปักกลดจำศีลอยู่ในสุสาน ซึ่งที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลา 4 เดือน อาตมาไม่เคยออกไปขอรับบิณฑบาต เรี่ยไรเงิน หรือรับกิจนิมนต์จากญาติโยมแม้เพียงครั้งเดียว มีเพียงชาวบ้านที่ทราบข่าว ก็จะนำอาหารหวานคาวมาถวายให้ได้ฉันภัตตาหารเพลมื้อเดียวเท่านั้น ส่วนผู้ที่ถวายปัจจัยก็จะส่งมอบคืน เพราะอาตมาคิดว่า การมาครั้งนี้ไม่ได้เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ แต่เป็นการแสวงบุญต่อสรรพสัตว์ โดยยึดหลักคำสอนของพระพุทธศาสนา เพื่อไม่ให้เกิดความเสื่อมเสีย หรือหม่นหมองต่อพระพุทธศาสนา
ด้าน นางสุรีพันธ์ รีเบี้ยว อายุ 45 ปี ผู้ดูแลสุสาน กล่าวว่า เดิมทีพระรูปนี้ได้นั่งรถแท็กซี่มาจากกรุงเทพฯ ขออนุญาตทางมูลนิธิเข้ามาปักกลดปฏิบัติธรรมกรรมฐาน แต่ไม่คิดว่าจะไปอยู่ยังจุดที่ฝังศพไร้ญาติ เพราะที่ผ่านมา เคยปรากฏมีพระธุดงค์เข้ามาปักกลด แต่ก็อยู่เพียงรอบนอกเท่านั้น และจะจำศีลอยู่ได้เพียง 2-3 วัน ก็จะต้องมีอันต้องรีบกลับออกไปทุกรูป แต่นับว่าแปลกที่พระรูปนี้สามารถจำศีลอยู่บนหลุมฝังศพได้นานหลายเดือน จนมีผู้คนตั้งคำถามพระไม่ถูกภูตผีหลอกบ้างหรือไง เพราะสถานที่แห่งนี้ผู้ที่ชอบเข้ามาลองของมักเจอดีกลับออกไปทุกราย ทำให้เมื่อถึงยามตะวันตกดินจะไม่มีแม้ผู้คนกล้าเข้ามาย่างกรายใกล้สุสานแห่งนี้เลย
ผู้สื่อข่าวกล่าวว่า และในโอกาสวันนี้ซึ่งตรงกับวันมาฆบูชา ได้มีประชาชนชาวพุทธที่ทราบข่าวของพระธุดงค์ หลั่งไหลเดินทางกันมาร่วมถวายภัตราหารเพล พร้อมรับฟังธรรมเทศนา เพื่อเป็นสิริมงคล และร่วมกันอุทิศแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่เหล่าดวงวิญญาณไร้ญาติในวันนี้อีกด้วย