“ลิ่วล้อแม้ว” ประเมิน คสช. รุกหนักหวังเขี่ย “ตระกูลชินฯ” พ้นทาง หลังกดดัน “ปู” ต่อเนื่อง พร้อมหยิบคดีสลาย พธม. เล่นงาน “ชายจืด” ขณะที่ 268 อดีต ส.ส. รอโดนเชือดคิวต่อไป เชื่อ “พ่อแม้ว” จำศีลไม่ฮึดฮัดหวั่นถูกหยิบเป็นข้ออ้าง อุบ “ผู้นำพรรค” เกรงถูกเตะตัดขาก่อน รอใกล้เลือกตั้งค่อยเปิดตัว ด้าน “ไพจิต” ซัดไล่ต้อนกันไม่บันยะบันยัง แค่แผนสืบทอดอำนาจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 12 ก.พ. แกนนำพรรคเพื่อไทย ได้มีการประเมินสถานการณ์ทางการเมืองกันภายใน หลังการถอดถอน พร้อมดำเนินคดีอาญากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวมไปถึงการที่ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางไปต่างประเทศ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ติดตามความเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผย นอกจากนี้ ยังมีการหยิบยกคดีของ นายสมชาย วงสวัสดิ์ อดีตนายกฯ กรณีการสลายชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อปี 51 ขึ้นมายื่นฟ้องต่อศาลในห้วงเวลาไล่เลี่ยกันว่า เป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนจาก คสช. ว่า ไม่เอาตระกูลชินวัตร และประเมินว่าต่อไปจะมีการดำเนินคดีกับอดีต ส.ส. พรรคเพื่อไทย 268 คน ที่ลงชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดย คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะส่งเรื่องให้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาถอดถอนในช่วงปลายเดือน ก.พ. นี้ ส่งผลให้อดีต ส.ส. หลายคนอยู่ในกลุ่ม 268 คน อยู่ในภาวะสุญญากาศ ไม่มีการเคลื่อนไหว และไม่อยากลงพื้นที่ ตลอดจนไปถึงการจับจ่ายใช้สอยใดๆ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ส่วนความเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนั้น ก็ยังคงนิ่งเงียบต่อไป หลังจากที่ยึดแนวทางนี้มาตั้งแต่ คสช. ทำรัฐประหาร 22 พ.ค. 57 เป็นต้นมา แม้ว่าขณะนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ผู้เป็นน้องสาวจะถูกกดดันอย่างหนักก็ตาม เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ประเมินว่า สิ่งที่ คสช. กำลังทำอยู่ในตอนนี้เป็นการกระตุ้นให้ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือคนในเครือข่ายออกมาเคลื่อนไหว แล้วชี้ให้สังคมเห็นว่า สถานการณ์ของประเทศยังไม่ปกติ และมีปมความขัดแย้งอยู่ โดยหวังใช้เป็นเหตุผลในการอยู่ในอำนาจต่อไป อีกทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ประเมินว่า ขณะนี้มีผู้อื่นทำการเคลื่อนไหวกดดัน คสช. อยู่แล้ว ทั้งสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป และอีกหลายๆ ประเทศ ที่เรียกร้องให้ประเทศไทยมีการเลือกตั้งโดยเร็ว เพื่อกลับคืนสู่ประชาธิปไตย ส่วนการหาตัวผู้นำพรรคเพื่อไทยคนใหม่แทน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ประเมินว่า ไม่มีความจำเป็นต้องรีบเลือกบุคคลในตอนนี้ เพราะหากมีการเสนอใครขึ้นมาก็อาจถูกสกัดเหมือนกรณีของนายสมชาย จะรอจนใกล้ถึงเวลาเลือกตั้ง แล้วค่อยเลือกผู้ที่จะมานำพรรคเพื่อไทยต่อไป
ด้าน นายไพจิต ศรีวรขาน อดีต ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับฟ้องคดีที่ ป.ป.ช. ส่งฟ้อง นายสมชาย และพวก รวมทั้งจะมีการดำเนินคดีอาญากับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า เป็นเรื่องปกติเมื่อมีการยึดอำนาจแล้ว ก็ต้องทำให้มั่นใจว่าจะอยู่ในอำนาจได้นานที่สุด เพราะนายสมชายถือเป็นหนึ่งในชินวัตร และคดีของนายสมชายก็เป็นการกระทำกับกลุ่มที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพรรคเพื่อไทย จึงมีการหยิบยกมาพิจารณาให้เสร็จสิ้น อย่างไรก็ตาม การจัดการกับนายสมชายไม่ได้ทำให้พรรคเพื่อไทยต้องยุติ หรือสิ้นสุดการดำเนินการทางการเมืองแต่อย่างใด
“เรื่องดังกล่าวทำให้เสียความรู้สึก หลักนิติรัฐ นิติธรรม ที่หวังว่าจะได้เห็นก็ไม่เห็นอีกแล้ว ถ้าทำทุกอย่างแบบไม่บันยะบันยัง เพื่ออยู่ในอำนาจนานที่สุดก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย” นายไพจิต กล่าว
