รองหัวหน้า ปชป.เปรียบคดีนักการเมืองต่างจากคดีอาญาทั่วไป หากหนีคดีไม่มาฟังการพิจารณาวันแรกจะตัดสินไม่ได้ ยกเหตุ “นช.แม้ว” ชิ่งหนีตั้งแต่คดีแรก คดีที่เหลือก็เดินต่อไม่ได้ ชี้ คสช.ห้าม “ยิ่งลักษณ์” ไป ตปท.เพื่อให้คดีเข้าสู่การพิจารณาตามที่ ปชช.หวัง เชื่อท้ายสุดใช้สิทธิลี้ภัยการเมือง เหตุมีเครดิตดีกว่าหนีแบบพี่ชาย
วันนี้ (8 ก.พ.) นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่อนุญาตให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเดินทางไปฮ่องกง เพราะอยู่ระหว่างอัยการสูงสุด (อสส.) ฟ้องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในโครงการจำนำข้าวว่า ตามหลักของการดำเนินคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีความแตกต่างกับการดำเนินคดีอาญาทั่วไปอยู่บางข้อ ที่สำคัญคือ คดีอาญาทั่วไปหากจำเลยหลบหนีไประหว่างการพิจารณา ศาลจะพิจารณาต่อไปไม่ได้ จะต้องจำหน่ายคดีออกไปชั่วคราวและออกหมายจับจำเลยนั้น
นายนิพิฏฐ์กล่าวต่อว่า แต่สำหรับคดีของนักการเมืองนั้น ความสำคัญอยู่ที่จำเป็นต้องได้ตัวจำเลยมาปรากฏตัวต่อหน้าศาลฎีกาฯ ในวันพิจารณาวันแรก เมื่อจำเลยมาศาลในวันพิจารณาวันแรกแล้ว หลังจากนั้น หากจำเลยได้หนีไป ศาลก็มีอำนาจที่จะพิจารณาลับหลังจำเลยได้ ส่วนกรณีที่จำเลยไม่มาปรากฎตัวต่อหน้าศาลในการพิจารณาคดีวันแรก ศาลฎีกาฯ จะไม่สามารถพิจารณาคดีนั้นๆ ได้เลย มีตัวอย่างปรากฏให้เห็นแล้วคือ คดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯที่ศาลฎีกาฯ ได้มีการพิจารณาคดีไปเพียงคดีเดียวเท่านั้นคือ คดีการซื้อที่ดินย่านรัชดาฯ ส่วนคดีอื่นๆแม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีพยานและหลักฐานพร้อมส่งฟ้อง แต่ก็ไม่สามารถเปิดคดีได้ เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้มาปรากฏตัวต่อหน้าศาลฯ
“ดังนั้น การได้ตัวจำเลยเพื่อมาศาลในวันแรกจึงเป็นเรื่องที่มีความสำคัญสำหรับการดำเนินคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง การหลบหนีภายหลังไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว แต่จำเลยที่หลบหนีจะเสียประโยชน์เอง กรณีนี้ คสช.คงต้องการให้คดีเข้าสู่การพิจารณาตามที่ประชาชนและสังคมคาดหวังว่าคดีที่นักการเมืองมีส่วนเกี่ยวข้องไม่มีความคืบหน้าเลยหรืออย่างไร ซึ่งคดีจะเดินหน้าต่อได้ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะต้องไปปรากฏตัวต่อหน้าศาลในการพิจารณาคดีวันแรก” นายนิพิฏฐ์กล่าว
นายนิพิฏฐ์กล่าวอีกว่า ตนได้เคยแสดงความเห็นและให้ข้อสังเกตเอาไว้แล้วก่อนหน้านี้ว่า เมื่อใดที่นักการเมืองถูกดำเนินคดี หากจะเดินทางออกไปต่างประเทศต้องขออนุญาต คสช.และรัฐบาล เพราะตนเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้น สำหรับในรายของอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ที่ คสช.ที่ไม่อนุญาตตามคำขอนั้น สืบเนื่องจาก อัยการสูงสุดมีมติสั่งฟ้องคดีอาญา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในคดีรับจำนำข้าวต่อศาลฏีการแผนกคดีอาญาทางการเมืองของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตามข้อกล่าวหาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบในโครงการรับจำนำข้าว เท่ากับว่าเวลานี้อยู่ในระหว่างกระบวนการของคดี
นายนิพิฎฐ์กล่าวต่อว่า คาดว่าเมื่ออัยการสูงสุดฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง แล้วจะมีการกำหนดวันให้อดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ในฐานะผู้ถูกร้องต้องไปแสดงตัวศาลฎีกาตามลำดับต่อไป จากนั้นหาก น.ส.ยิ่งลักษณ์จะขออนุญาต คสช.เพื่อเดินทางออกนอกประเทศอีกครั้ง ก็มีแนวโน้มที่จะได้รับการอนุมัติ ซึ่งในการพิจารณาคดีอาญา อาจใช้เวลายาวนานเป็นปี
เมื่อถามว่า หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าที่สุดแล้วน.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจใช้วิธีการขอเดินทางออกไปนอกประเทศแล้วไม่กลับมาเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย เช่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า โดยส่วนตัวแล้วตนเชื่อว่าจากบทเรียนของ พ.ต.ท.ทักษิณที่เลือกการหลบหนีคดี และไม่เป็นผลดีตลอดมานั้น น่าจะทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะไม่เลือกแนวทางในลักษณะดังกล่าว แต่น่าจะเลือกการทำเรื่องขอลี้ภัยทางการเมือง มากกว่าที่จะเดินทางออกนอกประเทศและไม่กลับมา เนื่องจากการขอลี้ภัยทางการเมืองจะส่งผลให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์มีเครดิตมากกว่า ได้ทั้งสิทธิและความชอบธรรมที่จะสามารถนำไปใช้ในการขยายผลทางการเมืองได้ต่อไป