ผ่าเบื้องหลังไล่พระวัดป่าเมืองปาย หึ่งวัดดังจ้องฮุบ พบนายทุนรุก ซื้อขายที่ป่าโจ่งครึ่ม

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - แกะรอยเบื้องหลังชาวบ้านไล่พระวัดป่าเมืองปาย อ้างกลับฮุบป่าช้าไม่มีที่เผาศพ ลือหึ่งวัดดังเมืองไทยต้องการใช้ขยายอาณาจักร ขณะที่ป่าสงวนฯ รอบข้างถูกรุกสร้างบ้านหรู ซื้อขายเปลี่ยนมือกันโจ่งครึ่ม ด้านคณะสงฆ์วัดป่าฯ ทำบัญชีทรัพย์สินทุกชิ้นส่งมอบผู้นำชุมชน พร้อมลงบันทึกประจำวันก่อนย้ายไปแต่ตัว

วันนี้ (17 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลัง “ASTVผู้จัดการ” ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับที่มีผู้นำชุมชน ชาวบ้าน อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน พยายามขับไล่พระสงฆ์ออกจากที่พักสงฆ์ป่าช้าเวียงเหนือ ในระหว่างการประชุมเจรจาทำความเข้าใจกันบนที่ว่าการอำเภอปาย จนได้รับความสนใจจากคนในท้องถิ่น อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ตลอดจนสังคมวงกว้างเป็นอย่างมากแล้ว

ล่าสุด พระอาจารย์ไพรบูล เตชะปุญโญ ในฐานะประธานสงฆ์ ได้เปิดเผยว่า ได้มีการหารือกันในกลุ่มพระสงฆ์แล้ว ได้ข้อสรุปว่า พระสงฆ์ทั้งหมดตกลงย้ายออกจากที่พักสงฆ์วัดป่าเวียงเหนือ ไปอยู่ที่สถานปฏิบัติธรรมแห่งหนึ่งตามที่มีชาวบ้านนิมนต์ไป เพื่อเป็นการแสดงถึงความไม่ยึดติดตามแบบอย่างของพระธุดงค์ แม้อาจจะมีข้อครหาตามมาว่า “เห็นไหม เพราะทำความผิดจริง ถึงอยู่ไม่ได้ ต้องไป” ก็ตาม

และเพื่อความโปร่งใส ก็ได้เชิญตัวแทนผู้นำชุมชน ต.เวียงเหนือ อ.ปาย มาพบ เพื่อให้ตรวจสอบทรัพย์สินที่เป็นศาสนสมบัติ ไม่ว่าจะเป็นเสนาสนะ เครื่องอุปโภคต่างๆ ที่มีญาติโยมนำมาถวาย รวมทั้งรถยนต์ด้วย ซึ่งทั้งหมดนี้พระไม่ได้นำไปด้วยแต่อย่างใด พระไปแต่ตัวเท่านั้น โดยให้ตัวแทนผู้นำชุมชนตรวจสอบ ก่อนทำการส่งมอบกุญแจต่างๆ และเอกสารทั้งหมดให้แก่ตัวแทนชุมชน เพื่อความถูกต้องชัดเจน ไม่ให้มีข้อครหาให้หม่นหมองศาสนา รวมทั้งเป็นการป้องกันการกระทำไม่ดีใดๆ ที่อาจจะทำให้เสื่อมเสียได้

“ทางพระได้ทำรายการบัญชีศาสนสมบัติ และให้ตัวแทนผู้นำชุมชนเซ็นรับ และมีนายบุญเกื้อ คุณาธารกุล นายอำเภอ อ.ปาย เป็นผู้ลงนามเป็นพยาน และมีการแจ้งลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.ปาย ไว้ด้วยแล้ว”

อย่างไรก็ตาม กรณีข้อพิพาทระหว่างผู้นำชุมชน ชาวบ้าน ต.เวียงเหนือ อ.ปาย กับพระสงฆ์วัดป่าเวียงเหนือ ซึ่งจบลงโดยที่ไม่มีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามที่มีการกล่าวหา ไม่มีการดำเนินการอะไรที่เป็นไปตามกฎทั้งทางโลก ทางธรรม ทั้งที่ฝ่ายบ้านเมืองก็ได้ให้ความเป็นธรรม ยืนยันว่า พระสงฆ์สามารถอยู่ต่อได้ ก็ตาม เนื่องจากที่ตั้งวัดมีการขออนุญาตอย่างถูกต้อง รวมทั้งแบ่งแยกจากป่าช้าเวียงเหนือ ที่ชาวบ้านหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นในการขับไล่พระสงฆ์ครั้งนี้ก็ตาม

ทำให้กรณีวัดป่าเวียงเหนือ ได้รับความสนใจจากประชาชนโดยทั่วไป ว่า ผู้นำชุมชนจะเข้าไปจัดการกับพื้นที่ที่เคยเป็นที่ตั้งวัดป่าเวียงเหนืออย่างไรต่อไป ชาวบ้านบางรายบอกว่าจะต้องทำลายสิ่งปลูกสร้างให้หมด แต่ทางป่าไม้ที่เป็นผู้ดูแลตามทางกฎหมาย ระบุว่า ไม่สามารถที่จะทำอย่างนั้นได้เพราะเป็นพื้นที่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติฯ ที่จะไปทำลาย หรือทำอะไรโดยพลการไม่ได้

ดังนั้น อนาคตพื้นที่ของที่พักสงฆ์วัดป่าเวียงเหนือแห่งนี้ จึงเป็นที่น่าจับตาอยู่ไม่น้อย เนื่องจากขณะนี้มีเสียงเล่าลือแพร่สะพัดว่า ที่ดินบริเวณป่าสงวนแห่งชาติแม่ปายฝั่งซ้าย (ตอนบน) แห่งนี้ กำลังเป็นที่ต้องการของ “นายทุนใหญ่” วงการพระสงฆ์เมืองไทยที่กำลังมองหาพื้นที่ใน อ.ปาย เพื่อขยายอาณาจักร

นอกจากนี้ พื้นที่บริเวณดังกล่าวยังมีการจัดสรรที่ดินกันขายอย่างโจ่งครึ่ม ผู้ที่เข้าไปพักอาศัยครอบครองมีทั้งชาวต่างชาติ ชาวลีซอ ชาวมูเซอ ซึ่งพื้นที่บางแปลงไม่ได้ทำการเกษตร ไม่ได้มีอาชีพอะไรที่เห็นได้ชัด แต่กลับมีการสร้างบ้านราคาสูงหลายล้านเพื่อพักอาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และเป็นที่น่าสังเกตว่า มีการสร้างถนนตัดเข้าไปในพื้นที่ข้างป่าสงวนฯ ด้วย

และมีท่าทรายของน้องผู้มีอิทธิพลในพื้นที่คนหนึ่งทำธุรกิจขายทรายให้แก่ผู้ที่ต้องการจะสร้างบ้าน และทำถนน และน้องของผู้มีอิทธิพลรายนี้ก็ยังมีที่ดินครอบครองในเขตป่าสงวนแห่งนี้ในจำนวนไม่น้อย

ด้าน นายบุญเกื้อ คุณาธารกุล นายอำเภอปาย จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จะนำกรณีของพื้นที่แห่งนี้เข้าประชุม คปก. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกท้องที่ป่าไม้) ในระดับจังหวัด ยกระดับให้บริเวณนี้เป็นพื้นที่เพ่งเล็งเป็นพิเศษต่อไป

ผู้ที่พักอาศัยในพื้นที่ที่มีปัญหาแห่งนี้เปิดเผยว่า ที่ดินที่ได้มานี้มีใบ สทก. (สิทธิทำกิน) ซึ่งป่าไม้ออกให้ เมื่อสอบถามไปทางหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ มส.4 (ทุ่งยาว) ก็ได้รับคำตอบว่า เป็นความจริง แต่ตามกฎหมายแล้วพื้นที่ที่มีใบ สทก. ไม่สามารถที่จะมีการซื้อขายแลกเปลี่ยน หรือเปลี่ยนมือกันได้

แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า ที่ดินย่านนี้กลับมีการประกาศขายที่ดิน และซื้อขายกันอย่างชัดเจนเปิดเผย!?

และที่แน่ๆ กรณี “วัดป่าเวียงเหนือ” เป็นเหมือนยอดภูเขาน้ำแข็งของปัญหาที่ดินเมืองปาย เท่านั้น!!