อุดรธานี - รอง ผบ.ตร.ลงพื้นที่ ต.นาม่วง อ.ประจักษ์ศิลปาคม ติดตามคดีศพผีตายโหงหาย ด้านตำรวจนำตัวพระวัดป่าสอบสวนเครียดนานกว่า 5 ชั่วโมง ยอมรับสารภาพ ร่วมกับชาวบ้านแค่ทำพิธีขอหวย แต่ไม่ได้ขโมยศพ ด้านชาวบ้านชัดทอดพระเป็นผู้นำพาขโมยศพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 เม.ย.) พล.ต.อ.ดร.เรืองศักดิ์ จริตเอก รอง ผบ.ตร. พร้อมด้วย พล.ต.ท.บุญเลิศ ใจประดิศฐ์ ผบช.ภ.4 พ.ต.อ.สมเกียรติ เกิดจงรักษ์ รอง ผบก.ภ.จว.อุดรธานี ได้ร่วมกันประชุมเพื่อสรุปผลการสืบสวนคดีคนร้ายขโมยศพที่เขตพื้นที่บ้านโนนสา ต.นาม่วง อ.ประจักษ์ศิลปาคม และบ้านเชียงแหว ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี
พ.ต.อ.วิธ มุทธสินธุ์ ผกก.สส.ภ.จว.อุดรธานี กล่าวต่อในที่ประชุมว่า จากการสอบสวนพระอุ่น อธิโญ อายุ 65 ปี พระลูกวัดวัดป่าธรรมะเจริญ ต.พันดอน อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี นานกว่า 5 ชั่วโมงให้การยอมรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับนายอุดม แสงแก้ว นายขุนทอง เกตุหมู นายวรพงษ์ เสนาพล นายไวพจน์ ขยายชน นายเตียง แสนแก้ว และนายทองผัด บำรุงภักดิ์ เข้าไปทำพิธีขอหวย
โดยคืนวันที่ 3 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลา 20.00 น. ได้ชักชวนนายอุดม ซึ่งเป็นมัคทายกที่วัดในหมู่บ้านโนนสา พร้อมเพื่อน ขับรถยนต์ไปรับตนเองที่วัดป่าธรรมะเจริญ โดยมีเด็กวัยรุ่นอีก 2 คน ขับรถจักรยานยนต์ตามไปที่ป่าช้าเพื่อทำพิธีฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ ก็ได้ไปทำพิธีขอหวยที่ป่าช้าบ้านเชียงแหว ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี กับศพเด็ก 2 คน ซึ่งเป็นพี่น้องกันจมน้ำตายมาแล้ว
สำหรับหัวศพ และซากศพที่หายไปนั้นตนไม่รู้เรื่อง ตนแค่เขามาทำพิธีขอหวยเท่านั้น
ด้าน นายขุนทอง และนายวรพงษ์ ให้การยอมรับสารภาพว่า พระอุ่น เป็นคนชักชวนให้ตนพร้อมพวกมาร่วมทำพิธี ซึ่งพระได้ใช้ให้ตนขุดหลุมศพ เสร็จแล้วได้เอาตะขอเหล็กเกี่ยวเอาหัวกะโหลกทั้ง 2 ใส่ย่าม แล้วให้กลบหลุมศพไว้เหมือนเดิม จากนั้นได้นำกะโหลกเด็กมาเจาะบริเวณหน้าฝาก หรือเรียกว่าปั้นเหน่ง เสร็จแล้วก็ได้โยนกะโหลกทิ้งลงในน้ำ ซึ่งพระอุ่นบอกว่า จะมีคนมารับซื้อปั้นเหน่ง จากนั้นพวกตนก็แยกย้ายกันกลับ
จากการสอบปากคำขบวนการนี้ยังให้การปฏิเสธว่า ศพที่ป่าช้าบ้านโนนสานั้น พวกตนไม่มีส่วนรู้เห็นแต่อย่างใด พวกตนแค่เข้าไปทำพิธีขอหวยเท่านั้น ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้กันนายเตียง นายทองผัด ไว้เป็นพยาน เนื่องจากรับสารภาพว่า เป็นแค่คนขอหวยเท่านั้น ไม่ได้รวมขบวนการลักขโมยศพ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ภาญหลังจากประชุมแล้วเสร็จ คณะนายตำรวจได้ลงพื้นที่ไปดูจุดเกิดเหตุที่บ้านโนนสา ต.นาม่วง อ.ประจักษ์ศิลปาคม และบ้านเชียงแหว ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี พร้อมนำตัว นายขุนทอง เกตุหนู อายุ 32 ปี และนายวรพงศ์ เสนาพล อายุ 20 ปี ไปชี้จุดที่ท่าเรือทะเลบัวแดง บ้านเชียงแหว ที่พระอุ่นนำกะโหลกของเด็กที่นำมาจากป่าช้าบ้านเชียงแหวงมาโยนทิ้ง
สำหรับพระอุ่น เดิมชื่อนายอุ่น อุ่นเรือน อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที139 หมู่7 ต.คูเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ หลังจากภรรยาเสียชีวิต แล้วลูกทั้ง 2 คน ไปทำงานอยู่ที่จันทบุรี จึงมาบวชที่วัดหนองตะไก้ ต.หนองตะไก้ อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา เมื่อ 2556 โดยได้จำพรรษาอยู่ที่วัดหนองตะไก้ ได้ 1 ปีกว่า
จากนั้นก็ธุดงค์ไปจำพรรษาตามวัดต่างๆ ประมาณ 3 วัด ใน จ.นครราชสีมา แล้วก็ไปหาลูกทั้ง 2 คนที่ จ.จันทบุรี แล้วจำพรรษาอยู่ที่วัดในจันทบุรี ล่าสุด ได้มาจำพรรษาที่วัดป่าธรรมะเจริญ ต.พันดอน ได้ประมาณ 1 เดือนกว่า ซึ่งพระอุ่น เคยมาอาศัยที่ จ.อุดรํานี มารับจ้างตัดอ้อย เฝ้าสวนยาง และถีบสามล้อปั่น
