อุตรดิตถ์ - พบคุณปู่วัยกว่า 60 ปีที่ยึดอาชีพปั่นสามล้อถีบหาเงินเลี้ยงหลานสาวตั้งแต่แบเบาะ จนขณะนี้เรียนอยู่ชั้น ม.1 ที่เรียกปู่เป็น “พ่อ” ทุกคำ บอกยุคสมัยเปลี่ยนไป ปั่นสามล้อวันนี้ได้เงิน 50-100 บาท แต่ก็อยู่ได้เพราะหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ “พ่อหลวง”
วันนี้ (5 ธ.ค.) คุณลุงสมคิด เพชรพิชัย อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 69 ต.ท่าอิฐ อ.เมืองอุตรดิตถ์ ยังคงออกแรงถีบสามล้อบริการลูกค้าในเขตเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์เพื่อหารายได้มาใช้จ่ายในครอบครัว และเป็นค่าเล่าเรียนให้แก่หลานสาว ด.ญ.ณัฐสินี แบบวา อายุ 13 ปี ที่กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนเทศบาลท่าอิฐ เหมือนกับที่เคยปฏิบัติตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2513
คุณลุงสมคิดบอกว่า ตนได้เลี้ยงหลานสาวคนนี้มาตั้งแต่เกิด รักเป็นลูกยิ่งกว่าพ่อของเขา ให้ทั้งความรัก ความอบอุ่น และส่งเสียให้เล่าเรียนหนังสือ จนเด็กใช้คำแทนตัวปู่ว่า “พ่อ” ทุกคำ และทุกวัน
คุณลุงสมคิดบอกอีกว่า ยึดอาชีพถีบสามล้อรับส่งลูกค้าหน้าโรงแรม พ.วานิช ไปตามสถานที่ต่างๆ ในเขตเทศบาลเมืองฯ มาตั้งแต่อายุ 18 ปี มาถึงวันนี้ก็ 45 ปีแล้ว เคยเปลี่ยนสามล้อมาแล้วถึง 4 คัน เริ่มตั้งแต่รถสามล้อในจังหวัดอุตรดิตถ์มีจำนวนกว่า 300 คัน จนปัจจุบันเหลือไม่ถึง 20 คัน เพราะยุคสมัยมีการเปลี่ยนแปลงไป คนหันไปใช้บริการรถแท็กซี่ รถประจำทาง รถสามล้อถีบจึงลดน้อยลง ทำให้ทุกวันนี้มีรายได้เพียงวันละ 100 บาท บางวันก็ได้เพียง 50 บาทเท่านั้น
แต่ตนก็ดำรงชีวิตอยู่ได้ โดยได้นำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ “พ่อหลวง” มาใช้ ไม่ใช้จ่ายเงินอย่างฟุ่มเฟือย บุหรี่ก็ไม่สูบ เหล้าก็ไม่ดื่ม โดยที่บ้านก็ได้เลี้ยงไก่ไว้กินไข่ หรือกินเนื้อบ้างเป็นบางครั้ง แต่ไม่ได้ปลูกผักเพราะไม่มีพื้นที่
ส่วนภรรยาคู่ชีวิต คือ นางนงเยาว์ เพชรพิชัย มีอาชีพรับจ้างเลี้ยงเด็ก ได้ค่าเลี้ยงดูวันละ 100 บาท ก็พอเป็นค่ากับข้าวในแต่ละวัน
คุณลุงสมคิดบอกว่า ตอนนี้อาศัยอยู่ในบ้านไม้หลังเก่าที่ทรุดโทรม ปลูกสร้างบนที่ดินหลวงในพื้นที่ริมคลองห้วยไผ่ ไม่มีหลักฐานใดๆ สภาพบ้านก็ใกล้จะล้มอยู่เหมือนกัน เพราะได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเมื่อปี 2549 ทำให้เสาที่รับน้ำหนักตัวบ้านหักจึงทำให้ตัวบ้านเอน
แต่ขณะนี้ยังไม่มีเงินซ่อมแซมบ้าน เพราะต้องหาเงินส่งหลานที่กำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ของโรงเรียนเทศบาลท่าอิฐ สังกัดเทศบาลเมืองอุตรดิตถ์ จำเป็นต้องใช้เงินมาก จึงไม่คิดที่จะซ่อมบ้านตอนนี้
คุณลุงสมคิดยังบอกด้วยว่า ช่วงที่หลานสาวยังเรียนอนุบาล ได้ให้เงินไปโรงเรียนวันละ 5-10 บาท พอโตขึ้น จนถึงปัจจุบันก็ให้เพิ่มเป็นวันละ 50 บาท ซึ่งบางวันรายได้ไม่เพียงพอ ต้องไปหาหยิบยืมเพื่อนๆ มาให้หลานได้มีกินมีใช้ มีไปโรงเรียน ไม่ให้หลานอด ช่วงเสาร์-อาทิตย์หลานมีรายได้วันละ 200 บาท จากการช่วยขายอาหารที่ร้านของเพื่อนบ้าน
“หลานสาวตนเป็นเด็กดี ขยันเรียน เกรดเฉลี่ย 3 กว่าทุกปี บางครั้งครูให้งานมาทำที่บ้าน แต่ไม่มีคอมพิวเตอร์ก็ต้องไปเข้าร้านเน็ตเพื่อทำงานส่งครู กว่าจะกลับบ้านก็ 3-4 ทุ่มเกือบทุกวัน”
ด.ญ.ณัฐสิณีได้บอกกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมาก่อนที่จะไปโรงเรียนว่า เนื่องในวันพ่อ 5 ธันวาคมนี้ หนูจะตั้งใจเรียนเพื่ออนาคตของตนเอง หากได้งานทำ หนูจะดูแลพ่อเอง เพราะพ่อเป็นคนเลี้ยงหนูมาตั้งแต่แบเบาะ จากนั้นก็ได้ขึ้นรถสามล้อถีบของปู่ ที่เธอเรียกว่า “พ่อ” ทุกคำ เพื่อไปโรงเรียน