ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - เจ้าหน้าที่ และคนงานทางหลวงเชียงใหม่ เร่งมือทำงาน และเก็บรายละเอียด พร้อมติดตั้งสัญลักษณ์เส้นทางเฉพาะรถจักรยาน นำร่องระยะที่ 1 เส้นทางศูนย์ประชุมนานาชาติฯ-สนาม 700 ปี ให้แล้วเสร็จก่อนทำพิธีเปิดใช้งานจริงพรุ่งนี้ (10 พ.ค.) ส่วนระยะที่ 2 คาดเสร็จพร้อมใช้กลางเดือนหน้า
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่า ที่บริเวณหน้าศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา เจ้าหน้าที่ และคนงานสำนักทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) กรมทางหลวง ร่วมกันทำงานอย่างหนักเพื่อเร่งทำการตีเส้นกำหนดขอบเขตช่องทางจักรยาน และเก็บรายละเอียดความเรียบร้อยต่างๆ ทั้งการติดตั้งป้าย และสัญลักษณ์ สำหรับเส้นทางจักรยาน เพื่อให้แล้วเสร็จ พร้อมให้กลุ่มผู้จักรยาน และผู้ออกกำลังกายสามารถใช้งานได้ก่อนเช้าวันพรุ่งนี้ (10 พ.ค.58)
โดยเส้นทางดังกล่าวนี้เป็นเส้นทางที่มีการทำขึ้นใหม่เพื่อผู้ใช้จักรยานโดยเฉพาะ เป็นเส้นทางระยะที่ 1 ในจำนวน 2 ระยะนำร่องที่มีการทำขึ้นใหม่ ซึ่งเส้นทางระยะที่ 1 นั้น จะเริ่มจากบริเวณหน้าศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ถึงสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ระยะทางรวมประมาณ 2.6 กิโลเมตร ที่จะเปิดใช้วันพรุ่งนี้
ขณะที่ระยะที่ 2 จะเริ่มสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ถึงปากทางเข้าห้วยตึงเฒ่า ระยะทางรวมประมาณ 2.3 กิโลเมตร คาดว่าน่าจะเสร็จ และเปิดใช้ได้ในช่วงกลางเดือน มิ.ย.58 นี้ ซึ่งเส้นทางที่ทำขึ้นใหม่นี้จะมีการแบ่งเป็น 2 ช่องทาง คือ ช่องทางสำหรับจักรยาน และช่องทางสำหรับผู้วิ่ง หรือเดินออกกำลังกาย
นายชัยวัฒน์ กระแสร์สินธุ์ หัวหน้างานวางแผน แขวงการทางเชียงใหม่ที่ 2 สำนักทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) เผยว่า เส้นทางที่ทำขึ้นนี้มีการทำช่องทางสำหรับจักรยานทั้งขาไปและขากลับ มีความกว้าง 1.5 เมตร ซึ่งเส้นทางนี้มีความพิเศษกว่าช่องทางจักรยานทั่วไปในตัวเมืองเชียงใหม่ เนื่องจากมีการแยกช่องทางจักรยานขนานไปกับถนนคลองชลประทานอย่างชัดเจน ทำให้มีความปลอดภัยสูงกว่าช่องทางจักรยานอื่นๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ที่ไม่สามารถขยายถนนออกไปได้จนทำให้ผู้ใช้จักรยานมีความเสี่ยงสูง นอกจากนี้ เส้นทางนี้ยังถือว่ามีทัศนียภาพที่สวยงามกว่าด้วย
ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มีการระบุว่า นอกจากการนำมาตรการในเรื่อง Slow City ที่มีการจำกัดความเร็วรถในเขตคูเมืองเชียงใหม่ไม่ให้เกิน 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อเอื้อต่อการใช้รถจักรยานอย่างปลอดภัยแล้ว ในอนาคตมีแนวความคิดที่จะมีการกำหนดให้บางวัน และถนนบางเส้นทางเป็นถนนเฉพาะสำหรับคนเดิน และจักรยานเท่านั้นด้วย
รายงานข่าวจากจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่า ที่บริเวณหน้าศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา เจ้าหน้าที่ และคนงานสำนักทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) กรมทางหลวง ร่วมกันทำงานอย่างหนักเพื่อเร่งทำการตีเส้นกำหนดขอบเขตช่องทางจักรยาน และเก็บรายละเอียดความเรียบร้อยต่างๆ ทั้งการติดตั้งป้าย และสัญลักษณ์ สำหรับเส้นทางจักรยาน เพื่อให้แล้วเสร็จ พร้อมให้กลุ่มผู้จักรยาน และผู้ออกกำลังกายสามารถใช้งานได้ก่อนเช้าวันพรุ่งนี้ (10 พ.ค.58)
โดยเส้นทางดังกล่าวนี้เป็นเส้นทางที่มีการทำขึ้นใหม่เพื่อผู้ใช้จักรยานโดยเฉพาะ เป็นเส้นทางระยะที่ 1 ในจำนวน 2 ระยะนำร่องที่มีการทำขึ้นใหม่ ซึ่งเส้นทางระยะที่ 1 นั้น จะเริ่มจากบริเวณหน้าศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ถึงสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ระยะทางรวมประมาณ 2.6 กิโลเมตร ที่จะเปิดใช้วันพรุ่งนี้
ขณะที่ระยะที่ 2 จะเริ่มสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ถึงปากทางเข้าห้วยตึงเฒ่า ระยะทางรวมประมาณ 2.3 กิโลเมตร คาดว่าน่าจะเสร็จ และเปิดใช้ได้ในช่วงกลางเดือน มิ.ย.58 นี้ ซึ่งเส้นทางที่ทำขึ้นใหม่นี้จะมีการแบ่งเป็น 2 ช่องทาง คือ ช่องทางสำหรับจักรยาน และช่องทางสำหรับผู้วิ่ง หรือเดินออกกำลังกาย
นายชัยวัฒน์ กระแสร์สินธุ์ หัวหน้างานวางแผน แขวงการทางเชียงใหม่ที่ 2 สำนักทางหลวงที่ 1 (เชียงใหม่) เผยว่า เส้นทางที่ทำขึ้นนี้มีการทำช่องทางสำหรับจักรยานทั้งขาไปและขากลับ มีความกว้าง 1.5 เมตร ซึ่งเส้นทางนี้มีความพิเศษกว่าช่องทางจักรยานทั่วไปในตัวเมืองเชียงใหม่ เนื่องจากมีการแยกช่องทางจักรยานขนานไปกับถนนคลองชลประทานอย่างชัดเจน ทำให้มีความปลอดภัยสูงกว่าช่องทางจักรยานอื่นๆ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ที่ไม่สามารถขยายถนนออกไปได้จนทำให้ผู้ใช้จักรยานมีความเสี่ยงสูง นอกจากนี้ เส้นทางนี้ยังถือว่ามีทัศนียภาพที่สวยงามกว่าด้วย
ทั้งนี้ รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า นายสุริยะ ประสาทบัณฑิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มีการระบุว่า นอกจากการนำมาตรการในเรื่อง Slow City ที่มีการจำกัดความเร็วรถในเขตคูเมืองเชียงใหม่ไม่ให้เกิน 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพื่อเอื้อต่อการใช้รถจักรยานอย่างปลอดภัยแล้ว ในอนาคตมีแนวความคิดที่จะมีการกำหนดให้บางวัน และถนนบางเส้นทางเป็นถนนเฉพาะสำหรับคนเดิน และจักรยานเท่านั้นด้วย