เชียงราย - ผอ.กองคลัง เทศบาลฯ ชายแดนเชียงราย หอบสำเนาเอกสาร 41 โครงการเทศบาลตำบลต้นสังกัด ร้องสื่อมวลชน ชี้มีพิรุธ ส่อไม่โปร่งใส บอกส่งเรื่องร้องเรียนไปหลายหน่วยงาน แต่ตนเองกลับถูกย้ายไปอยู่หน้าห้องนายกฯ ยึดห้องทำงาน สุดท้ายจังหวัดฯ ส่งกลับตำแหน่งเดิม แต่ไม่มีพัสดุให้ทำงานได้ แถมโดนข่มขู่ซ้ำ
วันนี้ (9 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.จีณนันท์ มูลชนะ รักษาการในตำแหน่งหัวหน้ากองคลัง เทศบาลตำบลหลายงาว อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย ได้หอบข้อมูลเข้าร้องต่อสื่อมวลชน ที่ห้องประชุมสมาคมสื่อมวลชน และนักประชาสัมพันธ์เชียงราย ถนนบรรพปราการ อ.เมืองเชียงราย เมื่อเร็วๆ นี้
น.ส.จีณนันท์ ระบุว่า สงสัยว่าโครงการหลายโครงการในเทศบาลของตนทั้งหมด 41 เรื่อง รวมมูลค่า 4,890,035 บาท อาจจะไม่โปร่งใสในการดำเนินการ จนจะทำให้ทางราชการเสียหาย ทั้งนี้เคยนำข้อมูลไปแจ้งต่อทางจังหวัด กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ผู้ตรวจการแผ่นดิน ตำรวจ ล่าสุด ยื่นต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
น.ส.จีณนันท์ เปิดเผยว่า แต่จนถึงปัจจุบันสถานการณ์ในเทศบาล ต.หล่ายงาว และความเป็นอยู่ของตนที่ได้รับผลกระทบยังคงมีปัญหาเหมือนเดิม เพราะหลังจากพบว่า มีหลายโครงการที่ต้องผ่านความรับผิดชอบของกองคลัง ส่อว่าจะไม่โปร่งใส และอาจทำให้ทางราชการเกิดความเสียหาย ตนก็ไม่อาจจะลงนามในเอกสารที่เกี่ยวข้องได้ โดยเฉพาะการผ่านบัญชี และการเงิน บางครั้งตนก็เขียนข้อความในเอกสารให้เหตุผลความจำเป็นในการลงนามว่า ได้มีการเสนอให้ปลัดเทศบาลฯ พิจารณาแล้ว ซึ่งผลจากการกระทำดังกล่าวทำให้ตนถูกตั้งกรรมการสอบสวน โดยกล่าวหาว่า ตนมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ฯลฯ และเคยถูกย้ายไปช่วยปฏิบัติราชการหน้าห้องนายกเทศมนตรี แต่ทางจังหวัดฯ ตรวจสอบแล้วพบว่า ไม่เป็นความจริงก็ให้กลับไปทำหน้าที่เดิม แต่สภาพปัญหาก็ยังคงเดิม
ด้วยเหตุนี้ จึงได้รวบรวมรายละเอียดโครงการ จำนวน 41 เรื่องที่มีปัญหาดังกล่าวตั้งแต่ปี 2544-2547 เพื่อขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบ เพื่อให้ผู้นำท้องถิ่น และข้าราชการที่เกี่ยวข้องได้ยำเกรงต่อการทุจริตเงินงบประมาณแผ่นดิน
“ตนยอมมอบสำเนาเอกสาร และยินดีให้ปากคำต่อหน่วยงานต่างๆ แม้ว่าช่วงนี้เกรงจะได้รับอันตรายเพราะเคยถูกข่มขู่คุกคามทางวาจา และกำลัง เพื่อบังคับให้ตนร่วมการกระทำการที่ไม่โปร่งใสมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะพยายามให้ตนลงนามเบิกจ่ายงบประมาณโครงการที่ยังไม่เคยดำเนินการ โครงการที่ไม่ได้อนุมัติแต่กลับมีการดำเนินการล่วงหน้า”
พร้อมกันนั้น น.ส.จีณนันท์ ยังได้นำตัวสำเนาหลักฐานที่เคยร้องเรียนไปยังหน่วยงานต่างๆ เช่น โครงการจ้างเหมาขุดเปิดทางระบายน้ำบ้านแจมป๋อง ซึ่งคณะกรรมการตรวจรับงานไม่สามารถตรวจสอบหน้างานได้ เพราะทำเสร็จล่วงหน้าไปแล้วกว่า 2 เดือน ไม่สามารถตรวจสอบขอบเขตงานได้ เมื่อสอบถามชาวบ้านก็ได้ความตรงกัน แต่ผู้ควบคุมงานก็อ้างว่า ก่อสร้างโครงการตรงตามเวลา ท้ายที่สุดตนไม่สามารถลงนามเบิกจ่ายให้ได้ ทำให้เทศบาลได้ยกเลิกสัญญาจ้างไปในที่สุด
อีกตัวอย่างเป็นโครงการซื้อกล้องวัดมุม มูลค่ากว่า 90,000 บาท ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจรับพัสดุเขียนรายงานว่า แพงเกินควรกว่า 1 เท่าตัว เพราะราคาในท้องตลาดอยู่ที่ 45,000-50,000 บาท และยังเป็นกล้องที่ผลิตในประเทศจีน รับรองมาตรฐานจากสิงคโปร์ ซึ่งตามปกติราคาขายจะถูกกว่านี้ แม้แต่ทางสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จ.เชียงราย ก็ทักท้วงว่ากล้องดังกล่าวไม่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานใด จึงเสนอให้จัดหากล้องชนิดอื่น แต่กลับมีการเร่งอนุมัติเบิกจ่ายซื้อและทำข้อตกลงซื้อกันที่ จ.ปทุมธานี แทนที่จะตกลงกันที่เทศบาลตำบลหล่ายงาว พฤติกรรมจัดซื้อพัสดุอื่นๆ เช่น กล้องดิจิตอล ฯลฯ ก็ไปซื้อกับเอกชนรายเดียวกัน ฯลฯ
น.ส.จีณนันท์ กล่าวอีกว่า ยังมีอีกหลายโครงการที่ส่อว่าจะไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการ เมื่อตนไปตรวจพบ และทัดทาน ก็ถูกเรียกไปด่าว่าด้วยวาจาหยาบคาบ บังคับให้แก้ไขเอกสาร และช่วงที่ย้ายตนออกไปชั่วคราวได้สำเร็จ ก็มีคนเข้ายึดทรัพย์สินที่ใช้ในการปฏิบัติราชการในห้องของตน จนปัจจุบันตนได้รับอนุญาตให้กลับไปทำงานในตำแหน่งเดิมแต่ไม่มีพัสดุในการทำงาน และยังถูกคุกคามอยู่ จึงร้องขอตำรวจไปช่วยคุ้มครอง แต่ก็ได้รับคำตอบว่า ไม่กล้า เพราะกลัวจะกระทบต่อตำแหน่งหน้าที่ของตัวเองอีก ทำให้ตนหันมาขอความเป็นธรรมผ่านสื่อมวลชนดังกล่าว