บีโอไอแหลมฉบังชูสิทธิพิเศษภาษี ดันผู้ประกอบการไทย-ต่างชาติลงทุนในเขต ศก.พิเศษ

ศูนย์ข่าวศรีราชา - บีโอไอแหลมฉบัง ใช้สิทธิพิเศษทางภาษีเป็นตัวชูโรงที่จะผลักดันให้ผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมทั้งไทย และต่างชาติที่กำลังมองหาพื้นที่ลงทุนใหม่ให้หันเข้าหาการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีอยู่ 2 แห่งในภาคตะวันออก ทั้งในสระแก้ว และตราด มากยิ่งขึ้น เผยนอกจากจะลดปัญหาการขนส่งสินค้าในพื้นที่ที่เริ่มแออัด และส่งผลกระทบด้านการจราจรแล้ว ยังสามารถขยายลู่ทางการเชื่อมโยงตลาดการค้าจากกัมพูชา สู่ประเทศเวียดนาม

นายชนินทร์ ชาวจันทร์ ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4 หรือบีโอไอแหลมฉบัง เปิดเผยถึงนโยบายการดูแลภาคอุตสาหกรรมที่เข้ามาลงทุนใหม่ และที่มีการลงทุนอยู่แล้วในพื้นที่ภาคตะวันออก ตลอดปี 2558 ว่า นอกจากจะส่งเสริมการเชื่อมโยงการลงทุนระหว่างบริษัทขนาดใหญ่ๆ ของชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในพื้นที่ให้สามารถเชื่อมโยงกับบริษัทของไทย หรือเอสเอ็มอีไทย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการสนับสนุนให้เอสเอ็มอีไทยสามารถดำเนินกิจการที่สนับสนุนทั้งในเรื่องชิ้นส่วนอะไหล่ยานยนต์ และชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ ให้แก่ภาคการลงทุนของชาวต่างชาติมากที่สุด

อีกหนึ่งนโยบายสำคัญคือ ที่จะสนองนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการผลักดันให้เกิดการลงทุนของกลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งในภาคตะวันออกมีอยู่ 2 แห่งคือ ที่จังหวัดสระแก้ว และจังหวัดตราด โดยเฉพาะเขตเศรษฐกิจพิเศษจังหวัดสระแก้ว ที่ดูแล้วน่าจะมีแนวโน้มไปได้ดีจากการมีพื้นที่เชื่อมกับประเทศกัมพูชา ที่สามารถเชื่อมโยงตลาดการค้าไปยังประเทศเวียดนามได้

“เบื้องต้นเราจะส่งเสริมให้คนไทย หรือชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน หรือขยายการลงทุนในประเทศหันไปลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษมากขึ้น เพื่อลดความแออัดในการขนส่งสินค้าในจุดที่มีการตั้งนิคมอตุสาหกรรมจำนวนมาก และยังเป็นโอกาสในการเชื่อมโยงการค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ที่นับจากนี้จะไม่ใช่เฉพาะชิ้นส่วนที่ใช้ประกอบรถยนต์ แต่จะมองไปถึงการผลิตชิ้นส่วนที่ใช้ในการซ่อมบำรุงเชื่อมต่อไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งกัมพูชา และเวียดนาม ที่กำลังมีการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้รัฐบาลมีการประกาศเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานเพื่อรองรับการลงทุนเท่านั้น”

โดยบีโอไอแหลมฉบัง จะเร่งชักจูงให้เกิดการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีอยู่ 2 แห่งในภาคตะวันออก ด้วยการชูจุดเด่นเกี่ยวกับมาตรการให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ที่จะเข้าไปลงทุน คือ หากเป็นโครงการลงทุนทั่วไปที่ได้สิทธิประโยชน์อยู่แล้ว หากเข้าไปอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษจะได้สิทธิยกเว้นภาษีเพิ่มขึ้นอีก 3 ปี แต่ต้องไม่เกิน 8 ปี แต่หากได้สิทธิพิเศษ 8 ปีแล้ว บีโอไอก็จะลดหย่อนภาษีเงินได้ลง 50% ให้อีกเป็นเวลา 5 ปี

แต่หากนักลงทุนสนใจลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่เขตเศรษฐกิจพิเศษกำหนดไว้ บีโอไอก็จะให้สิทธิพิเศษอย่างเต็มที่คือ นอกจากจะได้สิทธิพิเศษทางภาษีเป็นเวลา 8 ปีแล้ว ยังจะได้รับการลดหย่อนภาษีลงอีก 50% เป็นเวลาอีก 5 ปีเช่นกัน ซึ่งกลุ่มอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ ถือเป็น 1 ในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่บีโอไอกำหนดไว้ เช่นเดียวกับกลุ่มอุตสาหกรรมอีกหลายประเภท และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการขนส่ง เพื่อส่งเสริมให้เกิดการขยายตัวของการค้าตามแนวชายแดน

“ตอนนี้เราเพิ่งเริ่มต้น หน้าที่ของเราจึงต้องเร่งประชาสัมพันธ์ให้นักลงทุนในพื้นที่ และพื้นที่อื่นๆ สนใจลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษทั้ง 2 แห่ง โดยเน้นอุตสาหกรรมที่มีความเกี่ยวนื่องต่อพื้นที่ตรงนั้นให้มากที่สุด ซึ่งแนวโน้มการประสบความสำเร็จของเขตเศรษฐกิจพิเศษมีสูง เพราะรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ที่สำคัญแต่ละเขตเศรษฐกิจพิเศษจะมีการจัดตั้งศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนที่จะเข้าไปลงทุนด้วย” นายชนินทร์ กล่าว