นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ปี 2557 การส่งออกมีมูลค่าอยู่ที่ 227,574 ล้านบาท หดตัวร้อยละ 0.41 มากกว่าที่เคยคาดการณ์ว่าจะติดลบร้อยละ 0.2 และเป็นการหดตัวต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยสินค้าที่หดตัวสูงสุด คือ ยางพารา เหล็ก เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป
ส่วนแนวโน้มการส่งออกปีนี้ คาดว่าเติบโตเพียงร้อยละ 1.5 ต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ว่าจะโตร้อยละ 2.5 โดยปัจจัยลบยังกดดันภาคการส่งออก ทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก การตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร ปัญหาการย้ายฐานผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ขาดแคลนแรงงาน ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และปัญหาค่าเงินบาทผันผวน โดยคาดว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในครึ่งปีแรก โดยตลาดหลักของไทย คือ สหรัฐอเมริกาที่คาดว่าการส่งออกโตร้อยละ 5 ญี่ปุ่นโตร้อยละ 3 ส่วนตลาดยุโรปหดตัวร้อยละ 4
อย่างไรก็ตาม นายนพพร เสนอให้มีนโยบายป้องกันความผันผวนของค่าเงินบาท หาตลาดใหม่ทดแทนตลาดเดิมที่ชะลอตัว พัฒนาผู้ประกอบการไทยให้มีขีดความสามารถสูงขึ้น เพื่อรับมือกับการแข่งขันในตลาดโลก ส่วนผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ถูกลงร้อยละ 40 ส่งผลให้ผู้ผลิตลดต้นทุนร้อยละ 13 ของราคาสินค้า และถึงแม้ราคาสินค้าจะถูกแต่อุปสงค์ไม่ได้เพิ่มขึ้นจึงไม่มีผลต่อการส่งออก
ส่วนแนวโน้มการส่งออกปีนี้ คาดว่าเติบโตเพียงร้อยละ 1.5 ต่ำกว่าที่เคยคาดการณ์ว่าจะโตร้อยละ 2.5 โดยปัจจัยลบยังกดดันภาคการส่งออก ทั้งการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก การตัดสิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากร ปัญหาการย้ายฐานผลิตไปยังประเทศเพื่อนบ้าน ขาดแคลนแรงงาน ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และปัญหาค่าเงินบาทผันผวน โดยคาดว่าเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ในครึ่งปีแรก โดยตลาดหลักของไทย คือ สหรัฐอเมริกาที่คาดว่าการส่งออกโตร้อยละ 5 ญี่ปุ่นโตร้อยละ 3 ส่วนตลาดยุโรปหดตัวร้อยละ 4
อย่างไรก็ตาม นายนพพร เสนอให้มีนโยบายป้องกันความผันผวนของค่าเงินบาท หาตลาดใหม่ทดแทนตลาดเดิมที่ชะลอตัว พัฒนาผู้ประกอบการไทยให้มีขีดความสามารถสูงขึ้น เพื่อรับมือกับการแข่งขันในตลาดโลก ส่วนผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ถูกลงร้อยละ 40 ส่งผลให้ผู้ผลิตลดต้นทุนร้อยละ 13 ของราคาสินค้า และถึงแม้ราคาสินค้าจะถูกแต่อุปสงค์ไม่ได้เพิ่มขึ้นจึงไม่มีผลต่อการส่งออก