นครปฐม - ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 นำทีมแถลงข่าวผลการจับกุม “แก๊ง 3 สหาย” ใช้รถตู้สีเขียวบุกงัดตู้เซฟร้านสะดวกซื้อ “ซีเจ” ย่านภาคกลางหลายแห่ง ก่อนหนีไปก่อเหตุลักรถ จยย.ทางภาคอีสาน 50-60 คัน ส่งขายประเทศเพื่อนบ้าน จนชื่อแก๊งเริ่มดังก่อนถูกรวบตัวยกแก๊ง
เมื่อเวลาประมาณ 10.30 น.วันนี้ (12 มี.ค.) ที่ตำรวจภูธรภาค 7 พล.ต.ท.วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 พร้อมด้วย พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รอง ผบช.ภ.7 พล.ต.ต.ประภากร ริ้วทอง ผบก.สส.ภ.7 พล.ต.ต.สุรนิตย์ พรหมบุตร ผบก.ภ.จว.สมุทรสงคราม พ.ต.อ.สมชาย รักเสนาะ รอง ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.ประสพชัย มัตสยะวาณิช ผกก.สส.2 บก.สส.ภ.7 และทีมชุด บก.สส.ภ.7 ได้ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมคนร้ายในคดีโจรกรรมทรัพย์สินรายใหญ่ โดยได้ผู้ต้องหา และของกลางหลายรายการ
พล.ต.ท.วีระพงษ์ ชื่นภักดี ผบช.ภ.7 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย โดยมีการตั้งชื่อแก๊งว่า แก๊ง 3 สหาย ประกอบด้วย นายกิตติศักดิ์ หรือต้น ธรรมธีโรวัฒน์ อายุ 44 ปี อยู่บ้านเลขที่ 2508/13 ถนนดินแดง แขวง-เขตดินแดง กรุงเทพฯ (ผู้ต้องหาที่ 1) นายมานัส หรือนัส ราชบัวสี อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 101 หมู่ 2 ต.โนนสะอาด อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู (ผู้ต้องหาที่ 2) และนายประภาส หรือต๋อง นภาสกุล อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25 หมู่ 1 ต.ป่าสัก อ.ภูซาง จ.พะเยา (ผู้ต้องหาที่ 3)
พร้อมด้วยของกลางตู้เซฟนิรภัยที่ถูกงัดออกแล้ว 3 ใบ รถยนต์ตู้ยี่ห้อเบนซ์ สีเขียว หมายเลขทะเบียน ฮข 1374 กรุงเทพ โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์งัดแงะ โทรทัศน์ รวมหลายรายการ โดยกล่าวหาผู้ต้องหาทั้งหมดว่า ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่กระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป หรือให้พ้นการจับกุม
พล.ต.ท.วีระพงษ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาผู้ต้องหาทั้งหมดได้ร่วมตัวกันโจรกรรมทรัพย์ของประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้รถตู้สีเขียวออกก่อเหตุโจรกรรมทรัพย์สินในร้านสะดวกซื้อ โดยใช้ชื่อว่าแก๊ง 3 สหาย เพราะมีการรวมตัวกัน 3 คน เพื่อข่วยกันก่อเหตุ โดยเฉพาะร้านสะดวกซื้อ ซีเจ ซึ่งเป็นแฟรนไชส์ใหญ่ในเขตภาคกลาง
ประกอบด้วย สาขาดอนยายหอม จ.นครปฐม สาขาพระแท่น จ.กาญจนบุรี สาขาบ้านปรก สาขาลาดใหญ่ และสาขาเอกชัย จ.สมุทรสงคราม โดยก่อเหตุต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 5-6 ธ.ค.57, 27 ม.ค.58, 4-17 ก.พ.58 ซึ่งจะใช้เวลากลางคืน โดยจะมี นายกิตติศักดิ์ หรือต้น เป็นผู้ขับขี่ และจะใช้อุปกรณ์ตัดเหล็กบุกเข้าไปในร้านเวลาที่มีการปิดทำการ และเห็นว่าไม่มีคนเฝ้าประจำร้านตลอด 24 ชั่วโมง และจะช่วยกันเอารถเข็นมายกตู่นิรภัยที่ใส่เงินไว้ออกไปงัดนำเงินอออกมาแบ่งกัน
หลังจากนั้น ได้พากันออกตระเวนก่อเหตุลักทรัพย์เป็นรถจักรยานยนต์ในเขตพื้นที่ทางภาคอีสานหลายพื้นที่ไม่น้อยกว่า 50-60 คัน เพื่อขายให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านคันละ 2 หมื่นบาท โดยเป็นพื้นที่รับผิดชอบของตำรวจภูธรภาค 3-4 เนื่องจากมีความชำนาญมากขึ้น จนมีคดีในภาคอีสานกว่า 7 คดี และเชื่อว่าจะยังมีอีกกว่า 10 คดีที่ได้ก่อเหตุไว้
“ทางตำรวจภูธรภาค 7 ได้ติดตามแกะรอยจนสามารถจับกุมตัวได้ทั้งหมด และเท่าที่ผู้ต้องหาจำได้ในการก่อเหตุ มีจังหวัดศรีษะเกษ ขอนแก่น ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ ส่วนที่อื่นจำไม่หมดเพราะก่อเหตุมาอย่างโชกโชน ก่อนจะมีการเพิ่มจำนวนของคนร้ายเป็น 4-5 สหาย หรือ 10 สหายในอนาคต โดยผู้ที่สงสัยว่าจะมีการถูกลักทรัพย์ หรือโจรกรรมทรัพย์สินสามารถติดต่อขอดูตัวผู้ต้องหา และของกลางได้ที่ตำรวจภูธรภาค 7 และเชื่อว่าจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากมีพนักงานสอบสวนหลายแห่งติดต่อเข้ามาแล้วในการติดตามตัวคนร้ายแก๊งนี้” พล.ต.ท.วีระพงษ์ กล่าว