xs
xsm
sm
md
lg

ครูอนุบาลภูกระดึงบุกเบิก “สวนไผ่รวกหวาน” ขายต้นพันธุ์-หน่อสร้างรายได้งาม

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ต้นไผ่รวกหวานที่สามารถเก็บเกี่ยวหน่อไผ่ขายได้ต่อเนื่อง
เลย - ข้าราชการครูโรงเรียนอนุบาลภูกระดึงใช้เวลาลองผิดลองถูกบุกเบิกเพาะพันธุ์ “ไผ่รวกหวาน” จนประสบความสำเร็จ สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ ทั้งยังเป็นต้นแบบให้เกษตรกรได้ศึกษาเรียนรู้ เผยปัจจุบันขายทั้งต้นกล้าพันธุ์และหน่อไผ่หวานจนผลิตไม่ทันเพราะตลาดมีความต้องการสูง

ที่บ้านชำบ่าง ต.ห้วยส้ม อ.ภูกระดึง จ.เลย นางสุรูป แสนขันธ์ หรือ “ครูอ๋อง” วัย 53 ปี ครูประจำโรงเรียนอนุบาลภูกระดึง ยึดอาชีพปลูก “ไผ่รวกหวาน” ขายเป็นอาชีพเสริมช่วงฤดูแล้ง และถือเป็นสวนไผ่รวกหวานแห่งเดียวในจังหวัดที่ปลูกขายเชิงพาณิชย์ และเป็นแหล่งเรียนรู้ให้แก่เกษตรกรด้วย

เพราะโดยทั่วไปแล้วไผ่รวกจะมีรสชาติขม ก่อนรับประทานต้องนำไปต้มให้มีรสชาติจืด แต่สำหรับไผ่รวกชนิดนี้สามารถรับประทานสดได้ทันทีเพราะมีรสชาติหวานคล้ายหน่อไม้บง และรสชาติคล้ายยอดมะพร้าว เริ่มเป็นที่นิยมของผู้บริโภค ตลาดมีความต้องการมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขายส่งราคากิโลกรัมละ 60 บาท ส่วนต้นพันธุ์ 250-300 บาท

นางสุรูปเล่าว่า เดิมตนและครอบครัวปลูกต้นผักหวานและกระทกรก แต่ไม่ประสบความสำเร็จ จนกระทั่งมาค้นพบไผ่รวกหวานจากชาวบ้านที่เข้าไปหาหน่อไม้ในป่า บอกว่าไผ่รวกบางกอมีลักษณะแตกต่างจากไผ่รวกด้วยกัน คือมีร่องรอยสัตว์แทะกิน ชาวบ้านจึงลองชิมดู ปรากฏว่ามีรสชาติหวานกรอบ จึงขุดมาปลูกไว้ที่บ้าน และตนก็ได้ลองชิมดู จึงนำมาเพาะขยายพันธุ์ โดยใช้เงินลงทุนไปทั้งหมดประมาณ 50,000 บาท
  นางสุรูป  แสนขันธ์   ข้าราชการครูวัย 53 ปี หรือ”ครูอ๋อง”ครูประจำโรงเรียนอนุบาลภูกระดึง  ยึดอาชีพปลูก “ไผ่รวกหวาน”ขายเป็นอาชีพเสริม
แต่ต้องลองผิดลองถูกเรื่อยมา ทั้งเพาะพันธุ์ด้วยเมล็ด และต้นพันธุ์ จนกระทั่งระยะเวลาผ่านไปประมาณ 5 ปีจึงเริ่มประสบความสำเร็จ ปัจจุบันมีพื้นที่ปลูก 45 ไร่ ส่วนใหญ่จะปลูกไว้ขายต้นพันธุ์ ส่วนหน่อไม้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด มีลูกค้าใน อ.ภูกระดึงเข้ามารับซื้อถึงที่

นางสุรูปกล่าวว่า ไผ่รวกหวานถือเป็นพืชเศรษฐกิจชนิดใหม่ มีอนาคตด้านการตลาดสดใสมาก เพราะให้รสชาติหวาน กรอบ หน่อดก และใหญ่กว่าหน่อไม้บงหวาน สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายกว่าหน่อไม้ชนิดอื่น เช่น ส้มตำ ยำ ลวกจิ้มน้ำพริก ชุบแป้งทอด ต้มจืด สามารถบังคับให้ออกนอกฤดูได้ ขอเพียงมีแหล่งน้ำเลี้ยงต้นไผ่ เก็บผลผลิตขายได้ 8 เดือน โดยเฉพาะในหน้าแล้งมีราคาดีมาก ใช้เวลาปลูกเพียง 7 เดือนก็เก็บผลผลิตขายได้แล้ว

ส่วนการบำรุงรักษาก็ไม่ยุ่งยากมาก เพียงแค่นำฟางข้าว เศษใบไม้ หรือเปลือกข้าวโพดมาคลุมโคนต้น และให้น้ำสม่ำเสมอ เมื่อไผ่ต้นโตขึ้นจนเป็นร่มเงา หญ้าหรือวัชพืชก็ไม่มีโอกาสได้เกิด จึงไม่จำเป็นต้องใช้ยาปราบศัตรูพืช มีเพียงน้ำหมักจุลินทรีย์ชนิดต่างๆ มาฉีดพ่นไล่แมลง และบำรุงต้นเท่านั้น

ปัจจุบันสวนไผ่ครูอ๋องได้รับคัดเลือกจากสำนักงานเกษตรอำเภอภูกระดึงให้เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ด้านการเกษตรชีวภาพ โดยครูอ๋องยินดีให้คำปรึกษาแก่เกษตรกรที่สนใจปลูกไผ่รวกหวาน ซึ่งการปลูกไผ่ชนิดนี้ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มากเหมือนการปลูกข้าวโพด มันสำปะหลัง และยางพารา ใช้พื้นที่เพียง 5 ไร่ก็สามารถสร้างรายได้มากกว่า

เกษตรกรส่วนใหญ่มักขยายพื้นที่เพาะปลูก โดยการบุกรุกทำลายป่าไม้ออกไปเรื่อยๆ หากหันมาปลูกไผ่รวกหวานกันมากขึ้นก็จะช่วยลดการสูญเสียพื้นที่ป่าได้ด้วย

เกษตรกรผู้สนใจปลูกไผ่รวกหวานสามารถขอข้อมูลและคำปรึกษาจากครูอ๋องได้ที่ โทร. 08-9274-6009
กำลังโหลดความคิดเห็น