00 โดนปฏิกิริยาตอบโต้กลับไปร้อนแรงไม่แพ้กัน สำหรับรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ชอบแส่หาเรื่องกับคนอื่นเขาไปทั่ว ล่าสุดก็ส่ง ผช.รมต.ต่างประเทศ ด้านกิจการเอเซียตะวันออกและแปซิฟิก แดเนียล รัสเซลล์ มาบีบคั้นกดดันให้รัฐบาลไทย ยกเลิกกฎอัยการศึก และจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว เพราะคนไทยในยามนี้ไม่ยอมสยบยอมหรือยอมเป็นขี้ข้าต่างชาติตะวันตก อย่าคิดว่าจะทำอะไรก็ได้ จริงอยู่แม้ว่าเราอาจเป็นประเทศเล็กมีขนาดเศรษฐกิจไม่ใหญ่โตนัก แต่เรามีศักยภาพพอที่จะยืนด้วย ลำแข้งของตัวเองได้ และเลือกที่จะคบเพื่อนที่มีความจริงใจได้ เป็นเพื่อนไม่ใช่"เป็นลูกน้อง"
00 ถูกต้องแล้วที่ไทยในยุคนี้ไม่แคร์กับความรู้สึกของสหรัฐฯ แต่เราก็ไม่ได้ตั้งป้อมเป็นศัตรู ขณะเดียวกันก็เปิดความสัมพันธ์กับมหาอำนาจรายอื่น ทั้งจีน ญี่ปุ่น หรือแม้แต่รัสเซีย ที่กำลังต้องการเพื่อนในยามยาก หลังจากถูกสหรัฐฯ และยุโรป คว่ำบาตร อย่างไรก็ดี สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นชัดก็คือ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับผลประโยชน์เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องประชาธิปไตยที่ถูกยกมาอ้างเป็นหน้าฉากเท่านั้น ดูอย่างกรณีที่เวลานี้กำลังเจรจาคืนดีกับคิวบา หลังจากคว่ำบาตร เลิกคบค้ากันมาหลายสิบปี แต่มาตอนนี้ทุกอย่างกำลังกลับตาลปัตร สำหรับไทยนั้นแน่นอนว่าเมื่อเปลี่ยนรัฐบาล จากนอมินีทักษิณ มาเป็น คสช. ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม ผลประโยชน์ที่เคยถูกประเคนให้ มาบัดนี้มันเริ่มไม่แน่ จึงต้องคำรามขู่ให้มาต่อรองกันใหม่ มันก็แค่นั้น ดังนั้นมันขึ้นอยู่กับว่า เราจะรักษาสถานะและระยะห่างเอาไว้อย่างไร รวมทั้งรักษาศักดิ์ศรีของชาติได้อย่างไรเท่านั้น
00 น่าสมเพชก็เห็นแต่บรรดาลิ่วล้อ ทักษิณ ชินวัตร ที่ใช้จังหวะการมาไทยของ ทูตปลายแถวของสหรัฐฯ โดย "อ้ายปึ้ง" สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ถึงกับรีบงับมาใช้เป็นข้ออ้างเรื่องประชาธิปไตย ที่มองแต่ในเรื่องของการเลือกตั้ง มันก็อาจจะใช่ แต่เรื่องของการทุจริต การใช้อำนาจฉ้อฉลเบียดบังงบประมาณไปหาเสียงกับนโยบายประชานิยม แบบไม่ลงทุน มันก็สมควรประนามให้หนักเหมือนกัน และการที่พยายามพูดประชดว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช.ทำดี ทำให้ชาวบ้านอยู่ดีมีความสุข ก็ขอให้อยู่นานถึง 10 ปี แม้ว่าไม่ได้นิยมชมชอบ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นการส่วนตัว แต่ตามหลักการก็คือ หากเป็นแบบนั้นจริง นั่นคือ แก้ปัญหาปากท้องได้ดี ชาวไร่ชาวนาขายสินค้าได้ราคาดี นำพาชาติอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่โกง และไม่ปล่อยให้ใครโกง ทำได้แบบนี้อย่าว่าแต่ 10 ปีเลย เกินกว่านั้นก็ไม่เกี่ยง นี่พูดจริงนะ ไม่ใช่ประชด
00 เริ่มขยับเขยื้อนกันในมหาดไทยอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเสียที นั่นคือ การออกคำสั่งย้าย "ผู้ว่า-ผู้ตรวจ" นอกฤดู 10 ตำแหน่ง ลงนามโดย มท.1 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นครั้งแรก ส่วนใหญ่เป็นผู้ว่าฯ ในภาคอีสาน แทบทั้งหมดล้วนอยู่ในระดับ "เขี้ยว" เส้นสายการเมืองทั้งสิ้น แม้ว่างานนี้เจ้ากระทรวงจะพูดกันแบบไว้หน้าว่า "ย้ายเพื่อประสิทธิภาพ" ก็ตาม แต่ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเปรี้ยงออกมาให้ชัดว่า "ถ้าไม่มีเรื่อง ก็ไม่ย้าย" ความหมายที่เข้าใจกันก็คือถ้า "ไม่โกงก็ ห่วย" ประมาณนี้แหละ แต่เมื่อได้ยินข้อมูลจากปากของ ผู้ว่าฯ สตง. พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ที่ระบุว่า มี 16 จังหวัดในภาคอีสานและเหนือ โดยเฉพาะภาคอีสานที่โกงการจัดซื้อยาปราบศัตรูพืช ที่มีงบมหาศาลถึง 7 พันล้านบาท โดยมี "เสี่ยอ้วน" เป็นคนหิ้วกระเป๋าเจมส์บอนด์ไปแจก งานนี้ข่าวว่าจะมีย้ายใหญ่อีกล็อต แต่ไม่ใช่โยกสลับเป็นผู้ตรวจเหมือนเก่า แต่จะเป็นแบบ "เปิดตำแหน่งชั่วคราว" เอาไว้แขวน แว่วๆ ว่ามีไม่น้อยกว่า 10 ตำแหน่ง เวลานี้กำลังขอเปิดตำแหน่งเฉพาะกิจแบบ "ที่ ปรึกษา" กับ กพ.อยู่ระหว่างที่กำลังสอบวินัยและอาญา หวังว่าอีกไม่นานคงได้เห็นโฉมหน้า สาธุ !!
00 ถูกต้องแล้วที่ไทยในยุคนี้ไม่แคร์กับความรู้สึกของสหรัฐฯ แต่เราก็ไม่ได้ตั้งป้อมเป็นศัตรู ขณะเดียวกันก็เปิดความสัมพันธ์กับมหาอำนาจรายอื่น ทั้งจีน ญี่ปุ่น หรือแม้แต่รัสเซีย ที่กำลังต้องการเพื่อนในยามยาก หลังจากถูกสหรัฐฯ และยุโรป คว่ำบาตร อย่างไรก็ดี สิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นชัดก็คือ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับผลประโยชน์เท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องประชาธิปไตยที่ถูกยกมาอ้างเป็นหน้าฉากเท่านั้น ดูอย่างกรณีที่เวลานี้กำลังเจรจาคืนดีกับคิวบา หลังจากคว่ำบาตร เลิกคบค้ากันมาหลายสิบปี แต่มาตอนนี้ทุกอย่างกำลังกลับตาลปัตร สำหรับไทยนั้นแน่นอนว่าเมื่อเปลี่ยนรัฐบาล จากนอมินีทักษิณ มาเป็น คสช. ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม ผลประโยชน์ที่เคยถูกประเคนให้ มาบัดนี้มันเริ่มไม่แน่ จึงต้องคำรามขู่ให้มาต่อรองกันใหม่ มันก็แค่นั้น ดังนั้นมันขึ้นอยู่กับว่า เราจะรักษาสถานะและระยะห่างเอาไว้อย่างไร รวมทั้งรักษาศักดิ์ศรีของชาติได้อย่างไรเท่านั้น
00 น่าสมเพชก็เห็นแต่บรรดาลิ่วล้อ ทักษิณ ชินวัตร ที่ใช้จังหวะการมาไทยของ ทูตปลายแถวของสหรัฐฯ โดย "อ้ายปึ้ง" สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ถึงกับรีบงับมาใช้เป็นข้ออ้างเรื่องประชาธิปไตย ที่มองแต่ในเรื่องของการเลือกตั้ง มันก็อาจจะใช่ แต่เรื่องของการทุจริต การใช้อำนาจฉ้อฉลเบียดบังงบประมาณไปหาเสียงกับนโยบายประชานิยม แบบไม่ลงทุน มันก็สมควรประนามให้หนักเหมือนกัน และการที่พยายามพูดประชดว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช.ทำดี ทำให้ชาวบ้านอยู่ดีมีความสุข ก็ขอให้อยู่นานถึง 10 ปี แม้ว่าไม่ได้นิยมชมชอบ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นการส่วนตัว แต่ตามหลักการก็คือ หากเป็นแบบนั้นจริง นั่นคือ แก้ปัญหาปากท้องได้ดี ชาวไร่ชาวนาขายสินค้าได้ราคาดี นำพาชาติอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่โกง และไม่ปล่อยให้ใครโกง ทำได้แบบนี้อย่าว่าแต่ 10 ปีเลย เกินกว่านั้นก็ไม่เกี่ยง นี่พูดจริงนะ ไม่ใช่ประชด
00 เริ่มขยับเขยื้อนกันในมหาดไทยอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเสียที นั่นคือ การออกคำสั่งย้าย "ผู้ว่า-ผู้ตรวจ" นอกฤดู 10 ตำแหน่ง ลงนามโดย มท.1 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เป็นครั้งแรก ส่วนใหญ่เป็นผู้ว่าฯ ในภาคอีสาน แทบทั้งหมดล้วนอยู่ในระดับ "เขี้ยว" เส้นสายการเมืองทั้งสิ้น แม้ว่างานนี้เจ้ากระทรวงจะพูดกันแบบไว้หน้าว่า "ย้ายเพื่อประสิทธิภาพ" ก็ตาม แต่ "บิ๊กตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเปรี้ยงออกมาให้ชัดว่า "ถ้าไม่มีเรื่อง ก็ไม่ย้าย" ความหมายที่เข้าใจกันก็คือถ้า "ไม่โกงก็ ห่วย" ประมาณนี้แหละ แต่เมื่อได้ยินข้อมูลจากปากของ ผู้ว่าฯ สตง. พิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ที่ระบุว่า มี 16 จังหวัดในภาคอีสานและเหนือ โดยเฉพาะภาคอีสานที่โกงการจัดซื้อยาปราบศัตรูพืช ที่มีงบมหาศาลถึง 7 พันล้านบาท โดยมี "เสี่ยอ้วน" เป็นคนหิ้วกระเป๋าเจมส์บอนด์ไปแจก งานนี้ข่าวว่าจะมีย้ายใหญ่อีกล็อต แต่ไม่ใช่โยกสลับเป็นผู้ตรวจเหมือนเก่า แต่จะเป็นแบบ "เปิดตำแหน่งชั่วคราว" เอาไว้แขวน แว่วๆ ว่ามีไม่น้อยกว่า 10 ตำแหน่ง เวลานี้กำลังขอเปิดตำแหน่งเฉพาะกิจแบบ "ที่ ปรึกษา" กับ กพ.อยู่ระหว่างที่กำลังสอบวินัยและอาญา หวังว่าอีกไม่นานคงได้เห็นโฉมหน้า สาธุ !!