ฉะเชิงเทรา - ผลการเพาะเชื้อตรวจพิสูจน์ทราบสายพันธุ์แบคทีเรียมรณะ คร่าชีวิตสาวชาวกัมพูชาวัย 26 ปี ชัดเจน “โรคไข้กาฬหลังแอ่น” ชนิด Type B สายพันธุ์เจ้าถิ่นที่เคยตรวจพบมานาน หรือพบมากที่สุดในไทย ขณะ สสจ.ยันยังไม่ใช่การระบาด เป็นเพียงการพบเฉพาะรายเท่านั้น
วันนี้ (9 มี.ค.) ที่ห้องทำงานผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นายอนุกูล ตังคณานุกูลชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย นายแพทย์ประสิทธิ์ คงเคารพธรรม นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา นพ.วีระศักดิ์ อนุตรอังกูร ผอ.รพ.พุทธโสธร (เมืองฉะเชิงเทรา) นายแพทย์สมชาย แก้วเขียว รอง ผอ.ฝ่ายการแพทย์ นพ.วัฒนา อารีย์ หัวหน้ากลุ่มงานอายุรกรรม รพ.พุทธโสธร และ นพ.โชคชัย สาครพานิช นายแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชกรรม สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)
ร่วมกันแถลงข่าวผลการตรวจพิสูจน์สารคัดหลั่งจากหญิงชาวกัมพูชาที่เสียชีวิตลงด้วยโรคไข้กาฬหลังแอ่น เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างเข้ามาทำการรักษายังที่ รพ.พุทธโสธร ว่าจากการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากผู้ป่วยรายที่เสียชีวิต และส่งไปทำการเพาะเชื้อตรวจพิสูจน์ ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลที่ออกมายืนยันได้แล้วว่า เป็นเชื้อแบคทีเรียโรคไข้กาฬหลังแอ่นจริง โดยเป็นชนิดไทป์บี (Type B) ซึ่งเป็นเชื้อที่เคยตรวจพบมากที่สุดในประเทศไทยเป็นส่วนมากถึงร้อยละ 50 ไม่ใช่สายพันธุ์ที่พบในแถบแอฟริกา หรือตะวันออกกลาง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไทป์ เอ ไทป์ ดี ไทป์ วาย และไทป์ ดับเบิลยู
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังถือว่าไม่ใช่เป็นการระบาดของโรค แต่เป็นเพียงการพบผู้ป่วยเฉพาะรายเท่านั้น ประชาชนจึงไม่ควรตื่นตระหนก หรือหวาดกลัวกันมากจนเกินไป ซึ่งโรคดังกล่าวนี้เป็นเพียงโรคเก่าที่เคยพบมานานแล้ว และมียารักษาให้หายขาดได้
ส่วนข้อกังวลเกี่ยวกับประวัติของผู้ป่วยที่เคยขายคอหมูย่างตามตลาดนัดในช่วงที่ผ่านมานั้น ขอชี้แจงว่า เชื้อชนิดนี้เป็นแบคทีเรียที่ไม่แข็งแรง เมื่อออกมาจากร่างกายคนสู่อากาศภายนอกได้ไม่นานก็จะตายไปเองภายใน 5 นาที โดยเฉพาะในสภาพอากาศร้อนของเมืองไทย ยิ่งทำให้เชื้อตัวนี้ตายได้ง่าย โดยผู้ที่มีโอกาสติดเชื้อได้ต้องสัมผัสกับผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดเท่านั้น เช่น การสัมผัสกับร่างกายของผู้ป่วย รับประทานอาหารร่วมกัน ใช้ช้อนร่วมกัน หรือดื่มน้ำแก้วเดียวกัน และไอจามรดใส่กันเท่านั้น