ประจวบคีรีขันธ์ - พบช้างป่าละอูอายุไม่เกิน 10 ปีตายอีก 1 ตัวในพื้นที่ป่าที่ใช้ประโยชน์ทางทหาร ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ ห่างจากแนวเขตอุทยานแห่งชาติป่าแก่งกระจาน ประมาณ 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบและหาสาเหตุการตาย คาดว่าตายมาแล้วประมาณ 1 ปี
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (6 มี.ค.) นายวัฒนา พรประเสริฐ ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักอนุรักษ์พื้นที่ 3 สาขาเพชรบุรี ได้รับแจ้งจากนายสมพร มีอิ่ม หัวหน้าเขตจัดการที่ 5 ชุดลาดตระเวนช้างป่าหุบเต่า-ห้วยสัตว์ใหญ่ว่า พบช้างป่าละอูตาย 1 ตัว ภายในพื้นที่ป่าที่ใช้ประโยชน์ทางทหาร พิกัดที่ 47P0561245-N1387982E ภายในลำห้วยพุไทร หมู่ที่ 1 บ้านเฉลิมพระเกียรติ ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
ในบริเวณดังกล่าวมีช้างป่าละอูกลุ่มใหญ่อยู่ประมาณ 80 ตัว โดยจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากแนวเขตอุทยานแห่งชาติป่าแก่งกระจาน ประมาณ 1 กิโลเมตร จึงเดินทางเข้าตรวจสอบพื้นที่ พร้อมด้วยนายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม นายอำเภอหัวหิน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ตำรวจพลร่มค่ายนเรศวร ชุดประสานงานอนุรักษ์ช้างป่าบ้านป่าเด็ง หน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ กองกำลังสุรสีห์ หน่วยเฉพาะกิจ จงอางศึก ตชด.145, เจ้าหน้าที่ WCS.ประจำศูนย์ข้อมูลอนุรักษ์ช้างป่าละอู-แก่งกระจาน ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ร่วมตรวจสอบร่วมกับ พ.ต.ต.นฤปานาถ หนูจุ้ย พนักงานสอบสวน สภ.หนองพลับ
โดยจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากป้ายทางเข้าหมู่บ้านเฉลิมพระเกียรติ ลึกเข้าไปในป่าตามทางเดินของช้างป่า ประมาณ 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่พบซากช้างป่านอนตายอยู่ 1 ตัว อายุไม่เกิน 10 ปี โดยดูจากชิ้นส่วนฟันช้าง สภาพซากช้างผิวแห้งติดกับกระดูก ชิ้นส่วนกระดูกช้างกระจัดกระจาย ซึ่งเกิดจากการที่สัตว์ป่าลากดึงซากช้าง
เบื้องต้นคาดว่าตายมาแล้วประมาณ 1 ปี เพราะชิ้นส่วนแห้งกรอบ ชิ้นส่วนอวัยวะช้างทั้งงวงช้าง หางช้าง หัวกระโหลก ชิ้นส่วนขาช้างและชิ้นส่วนอื่นๆอยู่ครบ และไม่มีร่องรอยการใช้ขวานตัดฟันเพื่อเอางา และไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย โดยยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นช้างผ่าเพศผู้หรือเพศเมีย โดยอาจเป็นช้างเพศผู้ชนิด สีดอ ที่ไม่มีงา หรือเป็นช้างป่าเพศเมียก็เป็นได้
ส่วนสาเหตุการตายเบื้องต้นมั่นใจได้ว่า ไม่ได้ถูกล่าเพื่อเอางาเนื่องจากไม่มีร่องรอยการตัดฟันงาช้าง ส่วนจะเป็นการตายธรรมชาติหรือถูกทำร้ายนั้นต้องรอให้ทีมสัตว์แพทย์ที่กำลังเดินทางมาจากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พร้อมอุปกรณ์ตรวจพิสูจน์ซากช้าง เครื่องมือเอกซเรย์หาวัตถุโลหะหัวกระสุนปืน เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงว่าจะเป็นการตายจากการกินสารพิษ ยาฆ่าแมลงในไร่สวนของชาวบ้านหรือไม่ หรืออาจถูกงูพิษอย่างงูจงอาง งูเห่า ฉกกัดงวงหรือขาช้าง หรือเป็นการต่อสู้กับช้างเพศผู้ด้วยกันเพื่อแย่งชิงตัวเมียในฤดูผสมพันธุ์ หรือการถูกฆ่าจากการทำร้ายช้าง
ส่วนจะเป็นสาเหตุใดจะต้องหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป ส่วนซากช้างหลังการตรวจพิสูจน์แล้วจะมีการฝั่งซากช้างในบริเวณจุดที่พบซากช้างดังกล่าว
เมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ (6 มี.ค.) นายวัฒนา พรประเสริฐ ผู้อำนวยการส่วนอุทยานแห่งชาติ สำนักอนุรักษ์พื้นที่ 3 สาขาเพชรบุรี ได้รับแจ้งจากนายสมพร มีอิ่ม หัวหน้าเขตจัดการที่ 5 ชุดลาดตระเวนช้างป่าหุบเต่า-ห้วยสัตว์ใหญ่ว่า พบช้างป่าละอูตาย 1 ตัว ภายในพื้นที่ป่าที่ใช้ประโยชน์ทางทหาร พิกัดที่ 47P0561245-N1387982E ภายในลำห้วยพุไทร หมู่ที่ 1 บ้านเฉลิมพระเกียรติ ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
ในบริเวณดังกล่าวมีช้างป่าละอูกลุ่มใหญ่อยู่ประมาณ 80 ตัว โดยจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากแนวเขตอุทยานแห่งชาติป่าแก่งกระจาน ประมาณ 1 กิโลเมตร จึงเดินทางเข้าตรวจสอบพื้นที่ พร้อมด้วยนายสุทธิพงษ์ คล้ายอุดม นายอำเภอหัวหิน เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ตำรวจพลร่มค่ายนเรศวร ชุดประสานงานอนุรักษ์ช้างป่าบ้านป่าเด็ง หน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ กองกำลังสุรสีห์ หน่วยเฉพาะกิจ จงอางศึก ตชด.145, เจ้าหน้าที่ WCS.ประจำศูนย์ข้อมูลอนุรักษ์ช้างป่าละอู-แก่งกระจาน ตลอดจนกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ร่วมตรวจสอบร่วมกับ พ.ต.ต.นฤปานาถ หนูจุ้ย พนักงานสอบสวน สภ.หนองพลับ
โดยจุดเกิดเหตุอยู่ห่างจากป้ายทางเข้าหมู่บ้านเฉลิมพระเกียรติ ลึกเข้าไปในป่าตามทางเดินของช้างป่า ประมาณ 1 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่พบซากช้างป่านอนตายอยู่ 1 ตัว อายุไม่เกิน 10 ปี โดยดูจากชิ้นส่วนฟันช้าง สภาพซากช้างผิวแห้งติดกับกระดูก ชิ้นส่วนกระดูกช้างกระจัดกระจาย ซึ่งเกิดจากการที่สัตว์ป่าลากดึงซากช้าง
เบื้องต้นคาดว่าตายมาแล้วประมาณ 1 ปี เพราะชิ้นส่วนแห้งกรอบ ชิ้นส่วนอวัยวะช้างทั้งงวงช้าง หางช้าง หัวกระโหลก ชิ้นส่วนขาช้างและชิ้นส่วนอื่นๆอยู่ครบ และไม่มีร่องรอยการใช้ขวานตัดฟันเพื่อเอางา และไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย โดยยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นช้างผ่าเพศผู้หรือเพศเมีย โดยอาจเป็นช้างเพศผู้ชนิด สีดอ ที่ไม่มีงา หรือเป็นช้างป่าเพศเมียก็เป็นได้
ส่วนสาเหตุการตายเบื้องต้นมั่นใจได้ว่า ไม่ได้ถูกล่าเพื่อเอางาเนื่องจากไม่มีร่องรอยการตัดฟันงาช้าง ส่วนจะเป็นการตายธรรมชาติหรือถูกทำร้ายนั้นต้องรอให้ทีมสัตว์แพทย์ที่กำลังเดินทางมาจากสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) พร้อมอุปกรณ์ตรวจพิสูจน์ซากช้าง เครื่องมือเอกซเรย์หาวัตถุโลหะหัวกระสุนปืน เพื่อหาสาเหตุการตายที่แท้จริงว่าจะเป็นการตายจากการกินสารพิษ ยาฆ่าแมลงในไร่สวนของชาวบ้านหรือไม่ หรืออาจถูกงูพิษอย่างงูจงอาง งูเห่า ฉกกัดงวงหรือขาช้าง หรือเป็นการต่อสู้กับช้างเพศผู้ด้วยกันเพื่อแย่งชิงตัวเมียในฤดูผสมพันธุ์ หรือการถูกฆ่าจากการทำร้ายช้าง
ส่วนจะเป็นสาเหตุใดจะต้องหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป ส่วนซากช้างหลังการตรวจพิสูจน์แล้วจะมีการฝั่งซากช้างในบริเวณจุดที่พบซากช้างดังกล่าว