xs
xsm
sm
md
lg

ยังไม่พบช้างป่าทำร้ายชาวบ้านป่าเด็ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ประจวบคีรีขันธ์ - กรมอุทยานแห่งชาติระดมกำลังเจ้าหน้าที่ตามหาช้างป่าที่ทำร้ายชาวบ้านป่าเด็งเสียชีวิตเป็นวันที่ 3 ทั้งทางภาคพื้นดินและอากาศ แต่ก็ยังไม่พบ เผย 15 ธันวาคมนี้ อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะลงพื้นที่มาติดตามปัญหา และสรุปสถานการณ์อีกครั้ง

ผู้สื่อข่าวรายความคืบหน้าหลังจากช้างป่าที่หากินอยู่ในพื้นที่บริเวณบ้านป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี-บ้านป่าละอู ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ทำร้ายชาวบ้านป่าเด็ง ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากหัวหิน เดินทางมุ่งหน้ากลับบ้านพักในหมู่บ้านป่าเด็ง แต่ถูกช้างป่าเข้าทำร้ายจน นางพูลทรัพย์ นกน่วม อายุ 65 ปี ชาวบ้านป่าเด็งเสียชีวิตระหว่างนำส่งโรงพยาบาลหัวหิน

ส่วนสามี นายฉลวย พูลทรัพย์ อายุ 67 ปี ได้รับบาดเจ็บและรอดชีวิตมาได้จากการช่วยเหลือของชาวบ้านห้วยสัตว์ใหญ่ และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน (หน่วยพิทักษ์ป่าหุบเต่า)

ที่ผ่านมา นายกมล นวลใย หัวหน้าอุทยานฯ แก่งกระจาน ได้สั่งการเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานออกติดตามหาช้างป่าที่มีพฤติกรรมดุ และก้าวร้าวมาเป็นวันที่ 3 แล้ว แต่ก็ยังไม่พบช้างตัวดังกล่าว และอาจเป็นเพราะช่วงเวลานี้เป็นช่วงฤดูกาลผสมพันธุ์ และยังเป็นช่วงที่เริ่มมีอากาศหนาวเย็นลงทำให้ช้างป่ามีการรวมกลุ่มกันเป็นฝูงใหญ่ขึ้น จำนวน 30-50 ตัว เข้ามาหากินและทำลายพืชไร่ของชาวบ้านตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ จนทำให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ต้องทำงานด้วยความระมัดระวังเพิ่มมากขึ้น

โดยวันนี้ (12 ธ.ค.) นายสรัชชา สุริยกุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้นำคณะเจ้าหน้าที่ภาควิชาวิศวกรรมการบินและอวกาศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นำทั้งโดรน และอากาศยานไร้คนขับบินติดตามโขลงช้างป่าในรัศมีประมาณ 10-20 กิโลเมตร ในพื้นที่ตำบลห้วยสัตว์ใหญ่ อำเภอหัวหิน อีกทางหนึ่ง แต่ก็พบปัญหาอุปสรรคของพื้นที่เป็นป่าที่รกทึบ ประกอบกับในช่วงกลางวันช้างป่าจะอาศัยอยู่ในผืนป่าด้านในทำให้การติดตามภาคพื้นทางอากาศไม่ประสบผลสำเร็จ

ส่วนทางภาคพื้นดิน นายกมล นวลใย หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ยังคงให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ออกติดตามหาช้างป่าที่ทำร้ายชาวบ้านป่าเด็งเสียชีวิตต่อเนื่องตั้งแต่เช้าตรู่

จนกระทั่งช่วงเย็น และค่ำวันนี้ที่บริเวณถนนสายหัวหิน-ป่าละอู เจ้าหน้าที่ได้พบช้างป่าทั้งช้างเพศผู้ และเพศเมียออกจากป่าข้างทางหลายตัว โดยขึ้นมาเดินบนถนนสายหัวหิน-ป่าละอู จุดที่ทำร้ายชาวบ้านจนเสียชีวิต โดยพบช้างป่าเริ่มมีพฤติกรรมดุ และก้าวร้าวทำให้เจ้าหน้าที่อุทยานแฟ่งชาติแก่งกระจาน (หน่วยพิทักษ์หุบเต่า) ต้องคอยติดตามอยู่ห่างๆ และใช้วิธีการบันทึกภาพ และยังต้องคอยสกัดห้ามผู้ขับขี่โดยเฉพาะรถจักรยานยนต์ รถยนต์ และผู้ที่ขี่จักรยานท่องเที่ยวที่ผ่านมาบนถนนเพื่อป้องกันอันตราย

โดยเจ้าหน้าที่ให้รถทุกคันที่ผ่านมาหยุดรอเพื่อให้ช้างป่าข้ามถนนกลับเข้าป่าไปก่อน หรือบางจังหวะเจ้าหน้าที่ต้องใช้ลูกโป่งยิงไล่ช้างเพื่อให้เกิดความเสียงดัง ให้ช้างกลับเข้าป่าริมข้างทางไป

แต่อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่พบช้างป่าตัวที่ทำร้ายชาวบ้านจนเสียชีวิต และที่ผ่านมา นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ก็ได้ประสานไปยังนายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ดำเนินการเคลื่อนย้ายออกไปเพื่อความปลอดภัยของประชาชน เพราะไม่อยากให้เกิดปัญหาการสูญเสียชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่แถบนี้ขึ้นมาอีก

ขณะที่ นายสรัชชา สุริยกุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี ได้ลงพื้นที่ และกำชับให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน คอยแจ้งเตือนผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ รถยนต์ที่ผ่านเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวในช่วงทีมีความเสี่ยงโดยเฉพาะช่วงช้าตรู่ ช่วงเย็น และพลบค่ำ ให้ระมัดระวังอันตรายจากช้างป่าที่ออกมาบนถนน เนื่องจากช่วงระยะนี้เป็นช่วงฤดูผสมพันธุ์ของช้างป่า และมีการรวมโขลงของช้าง นิสัยจะเริ่มดุร้ายมากขึ้น

นายสรัชชา สุริยกุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี กล่าวยอมรับว่า การติดตามหาช้างทั้ง 2 ตัวยังไม่ประสบผลสำเร็จ และหากพบเจอการจะดำเนินการในขั้นตอนที่จะต้องยิงยาสลบนั้นยิ่งเป็นขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนมีความเสี่ยงสูง และต้องเป็นเจ้าหน้าที่ของกรมอุทยานแห่งชาติที่มีความชำนาญ และค่อนข้างยากหากช้างป่าอยู่ในโขลงใหญ่ จะไม่สามารถกระทำได้

ดังนั้น จึงไม่สามารถจะระบุได้ว่า จะดำเนินการได้หรือไม่อย่างไร หรือมีวิธีอื่นในการแก้ปัญหาแทนการเคลื่อนย้ายช้างป่าหรือไม่ ซึ่งในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ ทางนายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จะลงพื้นที่มาติดตามปัญหา และสรุปสถานการณ์อีกครั้ง




กำลังโหลดความคิดเห็น