ประจวบคีรีขันธ์ - สลด! ช้างป่าละอูออกมาหากินบนถนนทาง ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ ทำร้ายชาวบ้านป่าเด็งขับจักรยานยนต์ หญิงวัย 65 ปี ดับกลางถนน เจ็บ 1 ราย ผู้เห็นเหตุการณ์ และชาวบ้านระบุ เป็นช้างป่าตัวเดียวกับที่เคยทำร้ายชาวบ้านเสียชีวิตเมื่อหลายเดือนก่อน
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก นายธีระเทพ พิมพ์ไทย ชาวบ้าน ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ว่า มีชาวบ้านหมู่ 5 ต.ป่าเด็ง อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี 2 ราย ถูกช้างป่าซึ่งออกมาหากินบริเวณถนนทางเข้า ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ ทำร้ายขณะขับรถจักรยานยนต์กลับบ้านได้รับบาดเจ็บ โดยมีอาการสาหัส และเสียชีวิตขณะนำส่งที่โรงพยาบาลหัวหิน 1 ราย เมื่อเย็นวานนี้ (9 ธ.ค.) จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วย นายมนตรี แสงสวัสดิ์ ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน
ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นางพูลทรัพย์ นกน่วม อายุ 65 ปี โดยมีบาดแผลขนาดใหญ่ที่ศีรษะ แขนซ้ายหัก ผู้บาดเจ็บคือ นายฉลวย นกน่วม อายุ 67 ปี สามี และคนขับรถจักรยานยนต์ ฟกช้ำตามร่างกาย ทั้งสองเป็นชาว ต.ป่าเด็ง
นายฉลวย เล่าเหตุการณ์ว่า ตนและภรรยาไปซื้อเมล็ดพันธ์ผักที่ อ.หัวหิน โดยขับรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า สปาร์ค สีแดง ทะเบียน กลจ 992 เพชรบุรี ขณะเดินทางกลับบ้านช่วงเย็นมาตามเส้นทางหัวหิน-ป่าละอู ก่อนจะถึงด่านจุดตรวจพุไทรประมาณ 2 กิโลเมตร บริเวณทางเข้าหมู่บ้านป่าละอู ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ พบช้างป่าเดินอยู่บนถนนจึงได้จอดรถต่อท้ายรถกระบะคันหน้าที่จอดรออยู่ก่อน
แต่เมื่อรถกระบะคันหน้าออกตัวไป ช้างป่าได้พุ่งมาที่รถจักรยานยนต์ของตนซึ่งกำลังขับออกไปเช่นกัน แต่ไม่ทันจนรถจักรยานล้มไปอยู่อีกฝั่งถนน และช้างป่าซึ่งไม่มีงาเข้าทำร้ายภรรยาทันที ตนจึงร้องตะโกนขอชีวิตว่าอย่าทำอะไรเลย จากนั้นก็มีชาวบ้าน และเจ้าหน้าที่อุทยานเข้ามาช่วย
ด้าน นายธีระเทพ และชาวบ้านที่ขับรถยนต์ผ่านมาประสบเหตุ กล่าวว่า กำลังเดินทางลงมายัง อ.หัวหิน เห็นช้างป่ากำลังเหยียบแขนของผู้หญิง ส่วนผู้ชายนั่งอยู่บนพื้นถนนติดกับรถจักรยานยนต์ที่ล้มอยู่ จึงได้บีบแตรไล่ช้างจนผละออก และกลับเข้าป่า จึงจอดรถยนต์คร่อมกลางถนนเอาไว้ และลงไปช่วยเหลือทั้ง 2 คน ซึ่งระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน หน่วยหุบเต่า ขับจักรยานยนต์มาถึงพอดี และช่วยกันอุ้มทั้ง 2 คน ใส่ท้ายรถของตน ระหว่างนั้นผู้หญิงยังไม่เสียชีวิต จึงรีบมาส่งที่สถานีอนามัยหนองพลับ และอุ้มร่างผู้หญิงใส่รถกู้ชีพงิ้วแดง เทศบาลตำบลหนองพลับ นำมาส่งโรงพยาบาลหัวหิน มาทราบอีกครั้งว่าระหว่างนำส่งโรงพยาบาล ผู้หญิงคนดังกล่าวได้เสียชีวิตแล้ว
“ผมยืนยันได้ว่าช้างป่าที่ทำร้ายชาวบ้านป่าเด็งทั้ง 2 รายนี้ เป็นตัวเต็มวัย อายุไม่เกิน 10 ปี ซึ่งผมและชาวบ้านต่างมั่นใจว่า เป็นช้างป่าตัวเดียวกับที่เคยทำร้ายชาวบ้านในหมู่บ้าน ซึ่งขับรถจักรยานยนต์กลับเข้าหมู่บ้านห้วยสัตว์ใหญ่ เสียชีวิตเมื่อหลายเดือนก่อน เหตุเกิดช่วงเย็นเหมือนกัน ซึ่งผมเองเป็นคนเห็น และเหตุเกิดในบริเวณใกล้เคียงกัน ลักษณะการทำร้ายชาวบ้านก็แบบเดียวกัน”
นายธีระเทพ กล่าวว่า เชื่อว่าการที่ช้างป่ามีพฤติกรรมดุร้ายเช่นนี้เกิดจากมีวัยรุ่นบางคนชอบเร่งเครื่องรถจักรยานยนต์เสียงดังใส่ช้างจนทำให้ช้างจดจำ มีเข้าทำร้ายเมื่อเจอรถจักรยานยนต์
ด้าน นายมนตรี กล่าวว่า ช้างป่าละอูจะชอบออกมาหากินริมถนนห้วยสัตว์ใหญ่ และจำนวนประชากรก็เพิ่มสูงขึ้น ล่าสุด มีโครงการสร้างรั้วกันช้างจากการเรี่ยไรเงินของชาวบ้าน และบางส่วนได้รับเงินสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อแก้ปัญหาช้างป่า แต่การสร้างรั้วยังไม่ทั่วถึง โดยบริเวณที่เกิดเหตุไม่มีรั้ว อย่างไรก็ตาม คงต้องมีการหารือร่วมกันกับทุกภาคส่วนเพื่อหาแนวทางแก้ไขเฉพาะหน้า
ขณะเดียวกัน นายวีระ ศรีวัฒนตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ห้วยสัตว์ใหญ่ ซึ่งตนเคยแจ้งไปยังกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้เคลื่อนย้ายช้างป่าที่พฤติกรรมดุร้าย และทำร้ายชาวบ้านที่เสียชีวิตออกไปแล้ว แต่ยังไม่ดำเนินการ จนมาเกิดเหตุเศร้าสลดขึ้นอีก จึงโทรศัพท์ถึงนายนิพนธ์ โชติบาล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ และพันธุ์พืช ว่า
“ขอให้ช่วยเคลื่อนย้ายช้างป่าที่ทำร้ายชาวบ้านเสียชีวิตออกไป เนื่องจากชาวบ้านไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ผมสงสารชาวบ้าน และครอบครัวที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป ซึ่งทางอธิบดีรับปากว่าจะดำเนินการ และให้สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี รายงานเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทราบเป็นการด่วน”
นายสรัชชา สุริยกุล ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี กล่าวว่า ได้รายงานเหตุการณ์ให้อธิบดีทราบเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา และมีคำสั่งให้จัดกำลังเจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติน้ำตกห้วยยาง อ.ทับสะแก และอุทยานแห่งชาติกุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน มาลาดตระเวน และติดตามช้างป่าตัวดังกล่าวบนถนนที่เกิดเหตุตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม
พร้อมให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทั้ง 3 แห่ง ร่วมวางแผนว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อช้าง เพราะก่อนจะเคลื่อนย้ายออกไป ต้องมีรายละเอียดที่แน่ชัด เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีช้างป่าจำนวนมาก โดยเฉพาะช้างป่าที่มาเดินบนถนนพบเห็นได้ทุกวัน มีทั้งงาเดี่ยวและไม่มีงา
สำหรับผู้เสียชีวิตนั้นทางเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้มอบเงินช่วยเหลือให้แก่ครอบครัว 5,000 บาท เพราะตนก็รู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน