ฉะเชิงเทรา - ยังไร้วี่แวว 4 เทวรูปเก่าแก่ที่ถูกโจรใจบาปฉกไปจากแหล่งแสวงบุญชื่อดังเมืองแปดริ้ว ได้แต่รอตำรวจตามคืน ชาวบ้านระบุเป็นของล้ำค่าทางจิตใจ ควรมีไว้ให้ประชาชนได้แบ่งปันกันชื่นชม วอนโจรไม่ควรนำไปเก็บไว้ชื่นชมผู้เดียว
วันนี้ (22 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณีเทวรูปเก่าแก่ไม่สามารถประเมินค่าได้ ประกอบด้วย พระนารายณ์ทรงโค พระนารายณ์ทรงนกยูง พ่อแก่ (ฤาษี) ตาไฟ 2 ตน ที่ถูกคนร้ายรูปร่างลักษณะอ้วนแอบย่องเข้ามาขโมยไปจากศาลาสะเดาะเคราะห์ วัดชมโพธยาราม ริมถนนฉะเชิงเทรา-บางปะกง ต.โสธร อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อ 3 วันที่ผ่านมา
ล่าสุด พระมหาประยอม กัลยาโณ อายุ 38 ปี พรรษา 12 เจ้าอาวาสวัดชมโพธยาราม กล่าวว่า ตำรวจยังไม่ได้ประสานงานแจ้งถึงความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนร้าย เพื่อนำเทวรูปทั้ง 4 กลับคืนมายังวัด มีแต่เพียงนักข่าวจากบางสำนักเข้ามาติดตามทำข่าวนี้ สำหรับมูลค่าของเทวรูปที่หายไปนั้นยังไม่ประเมิน หรือตีราคาเป็นเงินได้ เนื่องจากเป็นของเก่า มีคนนำมาบริจาคให้ทางวัด และทางวัดก็ไม่ได้ศึกษาในเรื่องของเทวรูปมากนัก เพราะเป็นในส่วนของศาสนาพราหมณ์ ไม่ใช่ทางของพุทธ แต่ทราบว่าเจ้าของตัวจริงนั้นเป็นแขกคล้ายชาวฮินดู ว่าจ้างชาวบ้านที่มีอาชีพขับรถรับจ้างเป็นผู้นำมาถวายทิ้งไว้ให้แก่แม่ชีภายในเจดีย์พุทธคยา จึงไม่ทราบแหล่งที่มาของเทวรูปที่ชัดเจนมากนัก แต่ลักษณะภายนอกนั้นเป็นเนื้อทองเหลือง อยู่ในสภาพเก่าแก่จริงๆ
โดยสาเหตุที่ต้องนำออกมาตั้งประดิษฐานไว้ด้านนอกประกอบกับโต๊ะบูชาพระพุทธนั้น ก็เพื่อให้ญาติโยมที่เข้ามาทำบุญได้มีโอกาสได้ชื่นชม และกราบไหว้บูชาตามความเชื่อเท่านั้น เพราะหากจะนำไปเก็บไว้อยู่แต่ภายในเจดีย์ ทางวัดเห็นว่าไม่น่าจะเกิดประโยชน์เท่ากับการที่ได้นำเอาเทวรูปเหล่านี้ออกมาให้ประชาชนทั่วไปได้ชื่นชมร่วมกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์มากกว่า
ด้าน นายประยูร สุวรรณกิด อายุ 80 ปี อยู่บ้านเลขที่ 26 หมู่ 1 ต.โสธร ชาวบ้านข้างวัด กล่าวว่า ตนเชื่อว่าคนร้ายที่เข้ามาลงมือก่อเหตุเป็นพวกที่เสพยาเสพติด เนื่องจากเมื่อหลายปีก่อนเคยเกิดเหตุเครื่องทองเหลืองภายในวัดซึ่งเป็นจำพวกพระประจำวันเกิด โกศ หรือเครื่องใช้ที่ทำจากทองเหลือง มักถูกขโมยสูญหายไปเป็นประจำ รวมถึงพระพุทธรูปที่วางอยู่ที่ด้านบนรายรอบองค์เจดีย์พุทธคยา ซึ่งวางอยู่ในตำแหน่งความสูงเท่ากับตึก 3 ชั้น ก็ยังสูญหายไปจนได้
จึงเชื่อว่าคนร้ายน่าจะเป็นกลุ่มเสพยาเสพติด หลังจากห่างหายไปจากพื้นที่มานานหลายปี และได้หวนกลับมาก่อเหตุในครั้งนี้ขึ้นอีก ขณะเดียวกัน หากชาวบ้านจะเข้ามาช่วยกันดูแลทรัพย์สินสิ่งมีค่าของทางวัดก็เกรงว่าจะเป็นอันตรายต่อตนเอง และครอบครัว เพราะรู้สึกว่าไม่ปลอดภัย โดยกลัวว่าจะถูกพวกติดยาจะเข้ามาทำร้ายได้
เพราะตนเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่บ้านเมือง โดยผู้ที่เสพยานั้นไม่รู้ว่าเป็นใครมาจากไหนกันบ้าง เพราะหมู่บ้านอยู่ชิดกับชุมชนเมือง ซึ่งหากเป็นไปได้ก็อยากให้ผู้ที่ขโมยเทวรูปไปเอากลับมาคืน เพราะเป็นของวัด ผู้ที่นำมาบริจาคมีความประสงค์ที่จะให้ทางวัดเก็บเอาไว้ และคงไม่อยากให้ใครมาขโมยเอาไป