นครพนม - พายุหลงฤดูพัดถล่มนครพนมเสียหายหนัก 2 อำเภอ หนักสุด 4 ตำบลในอำเภอศรีสงคราม บ้านเรือนพังเสียหายร่วม 500 หลัง ต้นไม้ เสาไฟฟ้าหักโค่น ไฟฟ้าดับยังใช้การไม่ได้ ประชาชนได้รับบาดเจ็บสาหัส 1 รายจากการโดนเสาเต็นท์ล้มทับ เผยหนักสุดในรอบ 50 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เช้าวันนี้ (17 ก.พ.) นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้สั่งการให้นายวีระศักดิ์ วิเชียรแสน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ปภ.) นครพนม ประสานงานร่วมกับเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เข้าตรวจสอบ สำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนหลังจากเมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมาได้เกิดพายุฝนหลงฤดูถล่มลงมาอย่างหนัก ทำให้บ้านเรือนของชาวบ้านในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อ.ท่าอุเทน กับ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ได้รับความเสียหายอย่างหนักรวมกว่า 500 หลังคาเรือน ซึ่งถือว่าหนักสุดในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา
โดยพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายหนักสุดคือพื้นที่ อ.ศรีสงคราม มีทั้งหมด 4 ตำบล คือ ต.บ้านข่า ต.ท่าบ่อสงคราม ต.นาคำ และ ต.ศรีสงคราม บ้านเรือนชาวบ้านได้รับความเสียหายกว่า 400 หลังคาเรือน มีต้นไม้ขนาดใหญ่ ป้ายโฆษณา เสาไฟฟ้าแรงสูงหลายจุดหักโค่นพังเสียหาย นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเสาเต็นท์ล้มทับที่บริเวณศีรษะ 1 รายถูกนำส่งโรงพยาบาลนครพนมแล้ว
โดยเฉพาะพื้นที่บ้านข่า หมู่ 1 ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ได้รับความเสียหายเกือบ 200 หลังคาเรือน มีโรงเรียนบ้านข่า ซึ่งเป็นโรงเรียนประถมสอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 มีนักเรียนประมาณ 300 คน พบอาคารเรียนจำนวน 5 หลังได้รับความเสียหายจากลมพายุฝน มีเสียหายหนักสุด 2 หลัง รวมถึงอุปกรณ์การเรียนการสอนได้รับความเสียหาย ไม่สามารถทำการเรียนการสอนได้ ต้องปิดเรียนชั่วคราวไม่มีกำหนด
ส่วนมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และเตรียมการจัดสรรงบประมาณเข้าไปดูแลช่วยเหลือเบื้องต้น
เบื้องต้นนายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้ประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือทุกพื้นที่ประสบปัญหาจัดหาที่อยู่อาศัยให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและสำรวจความเสียหายจัดสรรงบประมาณเข้าไปดูแลซ่อมแซม รวมถึงระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าไปซ่อมแซมต่อไป
ขณะที่ พล.ต.สนธยา ศรีเจริญ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกนครพนม ได้นำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เข้าไปดูแลช่วยเหลือตรวจรักษาปัญหาเรื่องสุขภาพ พร้อมระดมกำลังทหารเข้าไปดูแลซ่อมแซมบ้านเรือน สถานที่ราชการที่ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบหนักบ้านเรือนพัง ไม่มีที่พักอาศัย จะได้ตั้งศูนย์อำนวยการดูแลช่วยเหลือในพื้นที่จนกว่าจะสามารถซ่อมแซม บรรเทาความเดือดร้อนได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เช้าวันนี้ (17 ก.พ.) นายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้สั่งการให้นายวีระศักดิ์ วิเชียรแสน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ปภ.) นครพนม ประสานงานร่วมกับเจ้าหน้าที่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เข้าตรวจสอบ สำรวจความเสียหายเพื่อให้ความช่วยเหลือเร่งด่วนหลังจากเมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมาได้เกิดพายุฝนหลงฤดูถล่มลงมาอย่างหนัก ทำให้บ้านเรือนของชาวบ้านในพื้นที่ 2 อำเภอ คือ อ.ท่าอุเทน กับ อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ได้รับความเสียหายอย่างหนักรวมกว่า 500 หลังคาเรือน ซึ่งถือว่าหนักสุดในรอบ 50 ปีที่ผ่านมา
โดยพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายหนักสุดคือพื้นที่ อ.ศรีสงคราม มีทั้งหมด 4 ตำบล คือ ต.บ้านข่า ต.ท่าบ่อสงคราม ต.นาคำ และ ต.ศรีสงคราม บ้านเรือนชาวบ้านได้รับความเสียหายกว่า 400 หลังคาเรือน มีต้นไม้ขนาดใหญ่ ป้ายโฆษณา เสาไฟฟ้าแรงสูงหลายจุดหักโค่นพังเสียหาย นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านได้รับบาดเจ็บสาหัสจากเสาเต็นท์ล้มทับที่บริเวณศีรษะ 1 รายถูกนำส่งโรงพยาบาลนครพนมแล้ว
โดยเฉพาะพื้นที่บ้านข่า หมู่ 1 ต.บ้านข่า อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ได้รับความเสียหายเกือบ 200 หลังคาเรือน มีโรงเรียนบ้านข่า ซึ่งเป็นโรงเรียนประถมสอนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1-6 มีนักเรียนประมาณ 300 คน พบอาคารเรียนจำนวน 5 หลังได้รับความเสียหายจากลมพายุฝน มีเสียหายหนักสุด 2 หลัง รวมถึงอุปกรณ์การเรียนการสอนได้รับความเสียหาย ไม่สามารถทำการเรียนการสอนได้ ต้องปิดเรียนชั่วคราวไม่มีกำหนด
ส่วนมูลค่าความเสียหายอยู่ระหว่างการตรวจสอบ และเตรียมการจัดสรรงบประมาณเข้าไปดูแลช่วยเหลือเบื้องต้น
เบื้องต้นนายอดิศักดิ์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้ประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือทุกพื้นที่ประสบปัญหาจัดหาที่อยู่อาศัยให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนและสำรวจความเสียหายจัดสรรงบประมาณเข้าไปดูแลซ่อมแซม รวมถึงระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ทหาร และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องเข้าไปซ่อมแซมต่อไป
ขณะที่ พล.ต.สนธยา ศรีเจริญ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกนครพนม ได้นำหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เข้าไปดูแลช่วยเหลือตรวจรักษาปัญหาเรื่องสุขภาพ พร้อมระดมกำลังทหารเข้าไปดูแลซ่อมแซมบ้านเรือน สถานที่ราชการที่ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบหนักบ้านเรือนพัง ไม่มีที่พักอาศัย จะได้ตั้งศูนย์อำนวยการดูแลช่วยเหลือในพื้นที่จนกว่าจะสามารถซ่อมแซม บรรเทาความเดือดร้อนได้
