ศูนย์ข่าวศรีราชา - สื่อจี้ระบบกล้อง CCTV เมืองพัทยามีปัญหา หลังผู้การเมืองชล ระบุ กล้องนับพันตัวใช้งานสนับสนุนกิจกรรมตำรวจได้เพียง 1% ขณะที่เมืองพัทยา ทุ่มงบประมาณทำไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท ในรอบ 9 ปี
จากกรณีที่ พล.ต.ต.นิติพงษ์ เนียมน้อย ผบก.ภ.จว.ชลบุรี ระบุถึงปัญหาของระบบกล้องวงจรปิดเมืองพัทยา ในที่ประชุมสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา ว่า ที่ผ่านมาตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี ย้ำต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้กวดขันเรื่องป้องกันและปราบปรามอาชญากรรม รวมทั้งแก้ปัญหาการจราจรในพื้นที่ท่องเที่ยวกับเมืองพัทยาอย่างจริงจัง แต่ปรากฏว่า การหาหลักฐานประกอบการสืบสวนสอบสวนทางด้านคดี ซึ่งร้องขอการสนับสนุนภาพจากกล้องวงจรปิดของเมืองพัทยานั้น กลับพบว่า ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
เนื่องจากได้รับคำตอบขากเมืองพัทยา ว่า ไม่สามารถจัดหาภาพที่บันทึกโดยกล้องเหล่านี้ได้ เพราะกล้องส่วนใหญ่ประสบปัญหาขัดข้อง หรือใช้ได้เพียง 1% เท่านั้น ทำให้เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในสังคมอย่างกว้างขวาง ด้วยที่ผ่านมา เมืองพัทยา ได้จัดสรรงบประมาณจัดทำระบบเป็นมูลค่านับพันล้านบาท แต่กลับไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่
นายสุรศักดิ์ จันทร์สมบูรณ์ เจ้าหน้าที่จากสำนักยุทธศาสตร์เมืองพัทยา พร้อมผู้เกี่ยวข้องได้เปิดแถลงข่าวชี้แจง โดยระบุว่าโครงการกล้องวงจรปิดของเมืองพัทยา เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2548 ใช้งบประมาณลงทุนรวมแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท โดยมีการติดตั้งกล้องที่ทันสมัย 1,470ตัว เชื่อมโยงด้วยระบบไฟเบอร์ ออปติก และไวไฟ
โดยในปี 2558 จะติดตั้งเพิ่มขึ้นอีกกว่า 100 ตัว รวมเป็น 1,591 ตัว รวมระยะสายส่งสัญญาณกว่า 500 กิโลเมตร ซึ่งจะทำให้กล้องมีความสมบูรณ์ และครอบคลุมเขตเมืองพัทยา รวมทั้งการจัดทำห้องซีซีอาร์ เพื่อตรวจสอบ และควบคุมระบบ ซึ่งในอนาคตจะมีการลิงก์สัญญาณภาพไปยังสถานีตำรวจ หรือหน่วยงานในพื้นที่ที่ร้องขอ ทั้งนี้ จะทำให้เมืองพัทยาจัดการแก้ปัญหาการจราจร รวมทั้งป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ส่วนกรณีที่มีการระบุว่า ปัจจุบันระบบกล้องไร้ประสิทธิภาพ เนื่องจากใช้งานได้เพียง 1% กรณีดังกล่าวคงเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน เนื่องจากทุกวันนี้เมืองพัทยา จ้างทีมงานผู้เชี่ยวชาญ หรือ Out Source จากภายนอกเข้ามาดูแลในงบประมาณปีละกว่า 7 ล้านบาท โดยจะมีการตรวจเช็กระบบกล้อง และปัญหาทุกวัน
ซึ่งล่าสุด จากการตรวจสอบพบว่า กล้องสามารถใช้งานได้ถึง 1,275 ตัว หรือคิดเป็น 86.73% อย่างไรก็ตาม กล้องส่วนใหญ่จะเชื่อมโยงสัญญาณผ่านสายไฟเบอร์ ออปติก ซึ่งพาดสายไปตามเสาไฟฟ้าสาธารณะ ดังนั้น เมื่อเกิดปัญหาไฟไหม้บนเสา หรือสายส่งสัญญาณอื่นชำรุดก็จะทำให้กล้องไม่สามารถใช้การได้ จึงอาจเป็นที่มาของปัญหา ซึ่งเรื่องนี้หากพบว่าส่งผลต่อระบบ เมืองพัทยา ก็จะตั้งโครงการพร้อมประกาศหาผู้รับจ้างเข้ามาแก้ไข ซึ่งอาจใช้เวลา 3-4 วัน
นายสุรศักดิ์ กล่าวว่า ในปีงบประมาณนี้เมืองพัทยา ได้ตั้งไว้อีก 17 ล้านบาท เพื่อว่าจ้างภาคเอกชนเข้ามาดูแลระบบทั้งตรวจสอบการทำงาน และแก้ไขหากเกิดปัญหาชำรุดด้วยความรวดเร็ว โดยกำหนดการดูแล 411 ตัว และจะมีการขยายฐานให้มากยิ่งขึ้น เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่ทางเลือกหนึ่งของการแก้ปัญหา คือ จัดทำระบบสายส่งสัญญาณใต้ดิน ซึ่งจะทำให้ปัญหาลดลงได้มาก เพียงแต่โครงการนี้จำเป็นต้องใช้งบประมาณมาก ซึ่งจะนำเสนอเพื่อขอรับการจัดสรรต่อไป
