รอยเตอร์/เอเอฟพี - น้ำมันลอนดอนเมื่อวันจันทร์ (13 ก.ย.) ร่วงลงต่ำสุดในรอบเกือบ 4 ปีระหว่างการซื้อขาย หลังชาติผู้ผลิตตะวันออกกลางส่งสัญญาณคงกำลังผลิตแม้ราคาดำดิ่งต่อเนื่อง ส่วนวอลล์สตรีทก็ปิดลบหนักจากความกังวลต่อเศรษฐกิจโลก สวนทางกับทองคำที่ปิดบวก หลังดอลลาร์อ่อนค่าลง
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ลดลง 8 เซ็นต์ ปิดที่ 85.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากช่วงหนึ่งหล่นไปอยู่ที่ 84.07 ดอลลาร์ ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน ลดลง 1.32 ดอลลาร์ ปิดที่ 88.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากช่วงหนึ่งร่วงลงไปอยู่ที่ 87.47 ดอลลาร์ ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2010
ราคาน้ำมันตลาดลอนดอนร่วงลงเกือบร้อยละ 25 แล้วนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน จากอุปทานล้นตลาด และอุปสงค์ที่อ่อนแอ ทั้งสองปัจจัยนี้เพิ่มความเป็นไปได้ว่าโอเปกจะปรับลดการผลิตลง
อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์อ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดกับซาอุดีอาระเบียเปิดเผยว่า มีผู้ส่วนเกี่ยวข้องกับตลาดยังรับได้กับราคาน้ำมันที่อยู่ระหว่าง 80 ถึง 90 ดอลลาร์ ขณะที่รัฐมตรีพลังงานของคูเวตก็ยืนยันแบบเดียวกันว่าโอเปกไม่น่าจะมีมติลดกำลังผลิตในการประชุมทางนโยบายครั้งที่กำลังจะมาถึง ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 27 พฤศจิกายน
ด้านหุ้นสหรัฐฯเมื่อวันจันทร์ (13 ต.ค.) ดิ่งลงหนัก เนื่องจากความกังวลต่อความเข้มแข็งของเศรษฐกิจโลกยังห้องล้อมตลาด ก่อนหน้าที่บริษัทต่างๆ เตรียมเผยแพร่ผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมา
ดาวโจนส์ ลดลง 223.22 จุด (1.35 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,320.88 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 31.30 จุด (1.64 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,847.83 จุด แนสแดค ลดลง 62.58 จุด (1.46 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,213.66 จุด
หลังจากซื้อขายผันผวนในช่วงเปิดตลาด ตลาดก็ร่วงหนักนช่วงชั่วโมงสุดท้าย โดยอาร์ท โฮแกน นักยุทธศาสตร์การตลาดจากวันเดอร์ลิช ซีเคียวริตี บอกว่า “การปรับลดวันนี้ เคลื่อนไหวตามแรงเทขายเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดยังคงมีความกังวลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลก”
ส่วนราคาทองคำวานนี้ (13 ต.ค.) ฟื้นตัวขึ้นมาปิดบวก จากดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง หลังเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) บ่งชี้ว่าอาจเลื่อนแผนขึ้นดอกเบี้ยออกไป ปัจจัยนี้ช่วยปลดเปลื้องแรงกดดันออกจากโลหะมีค่า โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์เพิ่มขึ้น 8.30 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,230.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์