เอเอฟพี/วอลล์สตรีทเจอร์นัล - ราคาน้ำมันขึ้นเล็กน้อยวันศุกร์ (10 ต.ค.) จากแรงช้อนซื้อหลังดิ่งลงหนึ่งวันก่อนหน้านี้ ท่ามกลางแนวโน้มตลาดขาลง ส่วนวอลล์สตรีทร่วงหนักถูกฉุดโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ทองคำปรับลด หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้น
สัญญาล่วงหน้าน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูดของสหรัฐฯ งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 5 เซ็นต์ ปิดที่ 85.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนเบรนท์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้น 16 เซ็นต์ ปิดที่ 90.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ตลาดซื้อขายผันผวนขณะที่นักลงทุนชะลอดูสถานการณ์ก่อนวันหยุดสุดสัปดาห์ หลังจากตลอดทั้งสัปดาห์นี้มีแรงเทขายอย่างหนักท่ามกลางความกังวลต่ออุปทานล้นตลาดและเศรษฐกิจโลกที่เติบโตแบบชะลอตัว โดยเฉพาะในยูโรโซน
ซาอุดีอาระเบียเผยในวันศุกร์ (10 ต.ค.) ว่าได้เพิ่มกำลังผลิตอีก 107,000 บาร์เรลต่อวันในเดือนกันยายน เป็น 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน ขณะที่ยอดกำลังผลิตรวมของโอเปกเมื่อเดือนก่อน แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี นั่นหมายว่าสงครามราคาภายในโอเปกเองจะยังคงมีอยู่ต่อไป ซึ่งก่อแรงกดดันเพิ่มเติมต่อชาติที่มีศักยภาพอ่อนแอกว่า
ดังนั้น ในสัปดาห์นี้จึงได้เห็นอิหร่านลดราคาขายน้ำมันแก่เอเชีย สู่ระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2008 แม้เคยบอกว่าต้องการให้ราคาน้ำมันอยู่ที่ 140 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเพื่อบรรลุงบประมาณสมดุลตามที่วางเป้าหมายไว้
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้ (10 ต.ค.) ร่วงลงแรง โดยแนสแดคปิดลบกว่าร้อยละ 2 ตามหลังแนวโน้มอันซึมเซาของบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ชั้นนำ
ดาวโจนส์ ลดลง 115.11 จุด (0.69 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 16,544.14 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 22.08 จุด (1.15 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 1,906.13 จุด แนสแดค ลดลง 102.10 จุด (2.33 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,276.24 จุด
ความเคลื่อนไหวของวอลล์สตรีทเป็นไปตามทิศทางของตลาดลักทรัพย์อื่นๆ ในต่างแดนท่ามกลางความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก ขณะเดียวกันยังดิ่งหนักมากขึ้น เมื่อหุ้นของไมโครชิพ เทคโนโลยี ผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ที่ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ร่วงลงถึงร้อยละ 12.3 หลังบริษัทแห่งนี้ปรับลดคาดการณ์รายได้ในไตรมาสที่กำลังมาถึงนี้ลง สืบเนื่องจากผลดำเนินงานที่ย่ำแย่ในจีน
ส่วนราคาทองคำเมื่อวันศุกร์ (10 ต.ค.) ขยับลงเล็กน้อย หลังดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ ลดลง 3.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,221.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์
