เอเอฟพี/รอยเตอร์ - ราคาน้ำมันสหรัฐฯลงต่อ และหลุด 40 ดอลลาร์ ช่วงสั้นๆ เมื่อวันพฤหัสบดี (12 พ.ย.) ยังกังวลอุปทานล้นตลาด วอลล์สตรีทปิดแคบจากแรงฉุดหุ้นกลุ่มประกันสุขภาพ ขณะที่ทองคำพุ่งขยับขึ้นวันเดียวมากที่สุดในรอบเกือบ 1 เดือน
น้ำมันดิบเวสต์เทกซัสอินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนธันวาคม ลดลง 21 เซ็นต์ ปิดที่ 40.54 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากร่วงลงต่ำกว่า 40 ดอลลาร์ช่วงสั้นๆ ส่วนเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 4 เซ็นต์ ปิดที่ 44.18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ปัจจัยหลักที่อยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวในแดนลบของราคาน้ำมันตลาดอเมริกา ได้แก่ ระดับกำลังผลิตที่ยังคงสูงลิ่วในสหรัฐฯ เช่นเดียวกับกำลังผลิตที่แข็งแกร่งของซาอุดีอาระเบียและชาติหลักๆ ของโอเปก
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (19 พ.ย.) ปิดลบในกรอบแคบๆ จากแรงฉุดกลุ่มประกันสุขภาพ ที่กลบข้อมูลด้านบวกจากอินเทล และบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ขณะที่นักลงทุนจับตาไปที่แนวโน้มการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมของเฟด
ดาวโจนส์ ลดลง 4.41 จุด (0.02 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 17.732.75 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 2.34 จุด (0.11 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 2,081.24 จุด แนสแดค ลดลง 1.56 จุด (0.03 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,655.36 จุด
กำไรที่หดหายของยูไนเต็ดเฮลท์ ฉุดให้หุ้นของบริษัทลดลงถึง 5.65 เปอร์เซ็นต์ กลายเป็นผู้ให้บริการประกันสุขภาพที่ก่อแรงกดดันต่อดาวโจนส์ และเอสแอนด์พี 500 หนักหน่วงที่สุด และฉุดให้บริษัทคู่แข่งอย่าง แอนเท็ม และเอทนา ปิดลบ 6 เปอร์เซ็นต์ทั้งคู่
ในส่วนของข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (19 พ.ย.) น่าจะช่วยส่งเสริมให้เฟดมองตลาดแรงงานว่ากำลังเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ก่อนการประชุมในเดือนหน้า หลังพบยอดผู้เข้ารับสิทธิประโยชน์คนว่างงานรายสัปดาหห์ลดลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ข้อมูลภาคแรงงานดังกล่าวและรายงาน minutes ของเฟด ที่ส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม ช่วยดันให้ราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (19 พ.ย.) ปิดบวกแรง โดยทองคำตลาดโคเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 9.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,077.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์