ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่น พร้อมแนะหากจะกระตุ้นเศรษฐกิจควรเป็นด้านการลงทุนมากกว่าการใช้จ่าย
นายยรรยง ไทยเจริญ หัวหน้านักยุทธศาสตร์อาวุโส กลุ่มงานยุทธศาสตร์องค์กร ธปท. กล่าวถึงโผคณะรัฐมนตรีที่ออกมาในช่วงนี้ว่า ยังคงต้องติดตาม แต่เชื่อว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่น และช่วยวางรากฐานของประเทศให้มีความมั่นคง โดยหากจะกระตุ้นเศรษฐกิจควรเป็นด้านการลงทุนมากกว่าการใช้จ่าย เพราะจะเป็นตัวช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจในระยะต่อไป
ส่วนเศรษฐกิจไทยขณะนี้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และจะเริ่มฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 1.5 ปีนี้ และร้อยละ 5 ปี 2558 เนื่องจากสถานการณ์การเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น การใช้จ่ายภายในประเทศเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะสินค้าคงทน ขณะที่สินค้าไม่คงทนคาดว่าคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง ส่วนการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่องตั้งแต่ครึ่งเดือนหลังของเดือนมิถุนายน ขณะที่การส่งออกมองว่าจะยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แม้ว่าจะฟื้นตัวล่าช้าเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามทั้งภายใน และภายนอกประเทศ โดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูงอาจเป็นแรงกดดันการใช้จ่ายภายในประเทศได้ และนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจใหญ่อย่างสหรัฐฯ ที่อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปีหน้า ซึ่งจะสร้างความผันผวนให้แก่อัตราแลกเปลี่ยนอย่างมาก ดังนั้น นักลงทุนจะต้องมีความระมัดระวัง และติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด
นายยรรยง ไทยเจริญ หัวหน้านักยุทธศาสตร์อาวุโส กลุ่มงานยุทธศาสตร์องค์กร ธปท. กล่าวถึงโผคณะรัฐมนตรีที่ออกมาในช่วงนี้ว่า ยังคงต้องติดตาม แต่เชื่อว่าจะช่วยสร้างความเชื่อมั่น และช่วยวางรากฐานของประเทศให้มีความมั่นคง โดยหากจะกระตุ้นเศรษฐกิจควรเป็นด้านการลงทุนมากกว่าการใช้จ่าย เพราะจะเป็นตัวช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจในระยะต่อไป
ส่วนเศรษฐกิจไทยขณะนี้ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว และจะเริ่มฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 1.5 ปีนี้ และร้อยละ 5 ปี 2558 เนื่องจากสถานการณ์การเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น การใช้จ่ายภายในประเทศเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะสินค้าคงทน ขณะที่สินค้าไม่คงทนคาดว่าคงต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง ส่วนการท่องเที่ยวฟื้นตัวต่อเนื่องตั้งแต่ครึ่งเดือนหลังของเดือนมิถุนายน ขณะที่การส่งออกมองว่าจะยังเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย แม้ว่าจะฟื้นตัวล่าช้าเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามทั้งภายใน และภายนอกประเทศ โดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูงอาจเป็นแรงกดดันการใช้จ่ายภายในประเทศได้ และนโยบายการเงินของประเทศเศรษฐกิจใหญ่อย่างสหรัฐฯ ที่อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยปีหน้า ซึ่งจะสร้างความผันผวนให้แก่อัตราแลกเปลี่ยนอย่างมาก ดังนั้น นักลงทุนจะต้องมีความระมัดระวัง และติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด