ASTVผู้จัดการรายวัน - ธปท. เผยไตรมาส 3 ความต้องการสินเชื่อทั้งครัวเรือน-ธุรกิจเพิ่มขึ้น ผลความเชื่อมั่นดีขึ้นจากเศรษฐกิจและสถานการณ์การเมืองคลี่คลาย ธุรกิจได้รับอนิสงค์ที่ดี ได้แก่ ธุรกิจค้าขาย ขนส่งและคลังสินค้า วัสดุก่อสร้าง แต่ยอมรับสถาบันการเงินยังคงเข้มงวดให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยและบัตรเครดิต เพื่อความปลอดภัยอีกระยะ
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ธปท.ได้เผยแพร่รายงานผลการสำรวจแนวโน้มสินเชื่อในไตรมาส 3 ของปี 57 พบว่า ส่วนใหญ่สถาบันการเงินประเมินว่าความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้นทั้งภาคครัวเรือนทุกประเภทและสินเชื่อธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันจะเพิ่มความเข้มงวดมาตรฐานการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยและบัตรเครดิต แต่ยังคงรักษาความเข้มงวดมาตรฐานการให้สินเชื่อครัวเรือนอื่นๆ หลังจากเข้มงวดติดต่อกันมาแล้ว 8 ไตรมาส ซึ่งสินเชื่อธุรกิจเช่นกัน เนื่องจากความเชื่อมั่นแนวโน้มเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นและแรงสนับสนุนความชัดเจนนโยบายรัฐเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ สถาบันบันการเงินประเมินว่า ในไตรมาส 3 ของปีนี้ ความต้องการสินเชื่อครัวเรือนเพิ่มขึ้น โดยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน สะท้อนการคาดการณ์แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่จะค่อยๆ ปรับดีขึ้น นอกจากนี้เชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น จึงคาดการณ์แนวโน้มการบริโภคภาคเอกชนที่จะฟื้นตัวในระยะต่อไป ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของความต้องการสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อครัวเรือนอื่นๆ มากกว่าไตรมาสก่อน
“ผลการสำรวจล่าสุด พบว่า ยังคงเพิ่มความเข้มงวดมาตรฐานการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยและบัตรเครดิตขึ้นเล็กน้อย ขณะที่รักษาระดับความเข้มงวดการให้สินเชื่อครัวเรือนอื่นๆ ใกล้เคียงกับปัจจุบัน ส่วนหนึ่งจากการที่สถาบันการเงินเพิ่มความระมัดระวังและเข้มงวดมาตรฐานการให้สินเชื่อประเภทนี้ติดต่อกันมาแล้ว 8 ไตรมาส แม้มีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับคุณภาพสินเชื่อภาคครัวเรือนทุกประเภท โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ประกอบกับสถาบันการเงินมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ”
ส่วนสินเชื่อให้แก่ภาคธุรกิจ พบว่า มุมมองสถาบันการเงินส่วนใหญ่คาดว่าความต้องการสินเชื่อของธุรกิจโดยรวมจะปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ สะท้อนความเชื่อมั่นที่คาดว่าภาวะเศรษฐกิจและบรรยากาศการลงทุนจะเริ่มดีขึ้น โดยธุรกิจที่สถาบันการเงินประเมินว่าจะขยายตัวดี ได้แก่ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก การขนส่งและคลังสินค้า การค้า วัสดุก่อสร้าง การผลิตยานยนต์และชิ้นส่วน และการผลิต พลังงานไฟฟ้า นอกจากนี้สถาบันการเงินยังคงรักษาระดับมาตรฐานการให้สินเชื่อภาคธุรกิจใกล้เคียงกับปัจจุบันต่อไป ส่วนหนึ่งได้เข้มงวดก่อนหน้า โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และความเชื่อมั่นที่ปรับดีขึ้นจากสถานการณ์การเมืองที่มีความชัดเจนขึ้น
สำหรับภาวะสินเชื่อครัวเรือนในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา พบว่า ความต้องการสินเชื่อครัวเรือนทุกประเภทเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เเพื่อใช้บริโภคทั่วไป รองลงเพื่อซื้อสินค้าคงทน สะท้อนความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น หลังจากสถานการณ์การเมืองมีความชัดเจนขึ้นและภาครัฐดำเนินนโยบายกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชน
และเข้มงวดมาตรฐานการให้สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อครัวเรือนอื่นๆ และเพิ่มความเข้มงวดเล็กน้อยสำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เพราะผลของเศรษฐกิจชะลอ ความเสี่ยงด้านความน่าเชื่อถือเครดิตผู้กู้ จากภาระหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง
ในไตรมาส 2 ผ่านมา ความต้องการสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีปรับลดลงจากไตรมาสแรก ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้จากไตรมาสแรกเช่นกัน สถาบันการเงินพบว่า ความต้องการสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีส่วนใหญ่เพื่อใช้เป็นเงินหมุนเวียนและสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เริ่มขอเพื่อการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเพิ่มขึ้น สะท้อนแนวโน้มการลงทุนของธุรกิจขนาดใหญ่ปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ หลังสถานการณ์การเมืองมีความชัดเจน.
รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แจ้งว่า ธปท.ได้เผยแพร่รายงานผลการสำรวจแนวโน้มสินเชื่อในไตรมาส 3 ของปี 57 พบว่า ส่วนใหญ่สถาบันการเงินประเมินว่าความต้องการสินเชื่อเพิ่มขึ้นทั้งภาคครัวเรือนทุกประเภทและสินเชื่อธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ ขณะเดียวกันจะเพิ่มความเข้มงวดมาตรฐานการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยและบัตรเครดิต แต่ยังคงรักษาความเข้มงวดมาตรฐานการให้สินเชื่อครัวเรือนอื่นๆ หลังจากเข้มงวดติดต่อกันมาแล้ว 8 ไตรมาส ซึ่งสินเชื่อธุรกิจเช่นกัน เนื่องจากความเชื่อมั่นแนวโน้มเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นและแรงสนับสนุนความชัดเจนนโยบายรัฐเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ สถาบันบันการเงินประเมินว่า ในไตรมาส 3 ของปีนี้ ความต้องการสินเชื่อครัวเรือนเพิ่มขึ้น โดยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน สะท้อนการคาดการณ์แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่จะค่อยๆ ปรับดีขึ้น นอกจากนี้เชื่อมั่นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น จึงคาดการณ์แนวโน้มการบริโภคภาคเอกชนที่จะฟื้นตัวในระยะต่อไป ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นของความต้องการสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อครัวเรือนอื่นๆ มากกว่าไตรมาสก่อน
“ผลการสำรวจล่าสุด พบว่า ยังคงเพิ่มความเข้มงวดมาตรฐานการให้สินเชื่อที่อยู่อาศัยและบัตรเครดิตขึ้นเล็กน้อย ขณะที่รักษาระดับความเข้มงวดการให้สินเชื่อครัวเรือนอื่นๆ ใกล้เคียงกับปัจจุบัน ส่วนหนึ่งจากการที่สถาบันการเงินเพิ่มความระมัดระวังและเข้มงวดมาตรฐานการให้สินเชื่อประเภทนี้ติดต่อกันมาแล้ว 8 ไตรมาส แม้มีความกังวลเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับคุณภาพสินเชื่อภาคครัวเรือนทุกประเภท โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ประกอบกับสถาบันการเงินมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ”
ส่วนสินเชื่อให้แก่ภาคธุรกิจ พบว่า มุมมองสถาบันการเงินส่วนใหญ่คาดว่าความต้องการสินเชื่อของธุรกิจโดยรวมจะปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจขนาดใหญ่ สะท้อนความเชื่อมั่นที่คาดว่าภาวะเศรษฐกิจและบรรยากาศการลงทุนจะเริ่มดีขึ้น โดยธุรกิจที่สถาบันการเงินประเมินว่าจะขยายตัวดี ได้แก่ ธุรกิจค้าส่งค้าปลีก การขนส่งและคลังสินค้า การค้า วัสดุก่อสร้าง การผลิตยานยนต์และชิ้นส่วน และการผลิต พลังงานไฟฟ้า นอกจากนี้สถาบันการเงินยังคงรักษาระดับมาตรฐานการให้สินเชื่อภาคธุรกิจใกล้เคียงกับปัจจุบันต่อไป ส่วนหนึ่งได้เข้มงวดก่อนหน้า โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และความเชื่อมั่นที่ปรับดีขึ้นจากสถานการณ์การเมืองที่มีความชัดเจนขึ้น
สำหรับภาวะสินเชื่อครัวเรือนในช่วงไตรมาสที่ผ่านมา พบว่า ความต้องการสินเชื่อครัวเรือนทุกประเภทเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่เเพื่อใช้บริโภคทั่วไป รองลงเพื่อซื้อสินค้าคงทน สะท้อนความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น หลังจากสถานการณ์การเมืองมีความชัดเจนขึ้นและภาครัฐดำเนินนโยบายกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชน
และเข้มงวดมาตรฐานการให้สินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อครัวเรือนอื่นๆ และเพิ่มความเข้มงวดเล็กน้อยสำหรับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย เพราะผลของเศรษฐกิจชะลอ ความเสี่ยงด้านความน่าเชื่อถือเครดิตผู้กู้ จากภาระหนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง
ในไตรมาส 2 ผ่านมา ความต้องการสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีปรับลดลงจากไตรมาสแรก ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น ขณะที่ความต้องการสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้จากไตรมาสแรกเช่นกัน สถาบันการเงินพบว่า ความต้องการสินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีส่วนใหญ่เพื่อใช้เป็นเงินหมุนเวียนและสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่เริ่มขอเพื่อการลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเพิ่มขึ้น สะท้อนแนวโน้มการลงทุนของธุรกิจขนาดใหญ่ปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ หลังสถานการณ์การเมืองมีความชัดเจน.
