ASTVผู้จัดการรายวัน-บิ๊กสัมมากรชี้ภาษีที่ดินเปล่า 2% กดดันแลนด์ลอดท์ระบายแลนด์แบงก์ออกสู่ตลาด เอื้อผู้ประกอบ การซื้อที่ดินลงทุนง่ายขึ้น แต่ราคาไม่ตกแน่ พร้อมเผยภาพรวมตลาดอสังหาฯครึ่งปีหลังกำลังซื้อกระเตื้องขึ้น ชี้หนี้ครัวเรือนอยู่ในระดับสูง- ยอดปฏิเสธสินเชื่อเพิ่ม 25-30% ต่อเนื่องมรสุมลูกใหญ่กระทบอสังหาฯ
นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) และอุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า กรณีที่กระทรวงการคลังเตรีนทเสนอร่างโครงสร้างภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ว่า เห็นด้วยกับการจัดเก็บภาษีของงรัฐบาล แต่ควรจัดเก็บผู้มีรายได้มากและยกเว้นสำหรับผู้มีรายได้น้อย ส่วนการจัดเก็บภาษีที่ดินว่างเปล่าในอัตรา 2% จะทำให้ผู้ที่มีที่ดินสะสมในมือจำนวนมาก หรือแลนด์ลอดท์ จะทยอยนำที่ดินออกมาขาย เนื่องจากต้องเสียภาษีในอัตราที่สูง อาทิ ที่ดินราคาประเมิน 1,000 ล้านบาทต้องเสียภาษีถึงปีละ 20 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีที่ดินออกมาขายในท้องตลาดเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ไม่ยอมขาย อย่างไรก็ตามการจัดเก็บภาษีใหม่นี้เชื่อว่าจะไม่ทำให้ราคาที่ดินตก แค่ทำให้มีที่ดินออกมาขายมากขึ้นเท่านั้น
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีแรก ชะลอตัวลงไปมากจากปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่งภายหลังที่คณะรักษาความสงบห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศทำให้ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายลงไปในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะแผนลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐาน 2.4 แสนล้านบาท ที่ คสช. ได้ข้อสรุปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อภาคเศรษฐกิจและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก เนื่องจากมีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการรถไฟทางคู่ และรถไฟสายต่างๆ ในกรุงเทพฯและปริมณฑล จะเป็นการเปิดหน้าดินให้แก่ภาคธุรกิจอสังหาฯ ทำให้มีทำเลที่มีศักยภาพในการลงทุนเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตามแม้ว่าครึ่งปีหลังอสังหาฯจะมีแนวโน้มการเติบโตดีขึ้น แต่ยังมีปัจจัยลบที่ต้องระมัดระวัง เช่น การปรับเพิ่มขึ้นหนี้ครัวเรือนจากสิ้นปี 56 อยู่ที่ประมาณ 1.8 แสนบาท/ครัวเรือน เพิ่มมา 16% เป็น 2.9 แสนบาท/ครัวเรือน ขณะที่สัดส่วนหนี้ภาคครัวเรือนต่อ GDP อยู่ในระดับเกินกว่า 82% ในปัจจุบัน จากสิ้นปี 56 อยู่ที่ระดับ 80% ซึ่งนับว่าเป็นปัญหาที่น่ากังวล สะท้อนไปถึงอัตราการปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 25-30% ในปัจจุบันจากปีที่แล้วอยู่ในระดับ 15% เท่านั้น โดยในส่วนของบริษัทอัตราปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 25% ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพลูกค้าในอนาคตได้
นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) และอุปนายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า กรณีที่กระทรวงการคลังเตรีนทเสนอร่างโครงสร้างภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างฉบับใหม่ว่า เห็นด้วยกับการจัดเก็บภาษีของงรัฐบาล แต่ควรจัดเก็บผู้มีรายได้มากและยกเว้นสำหรับผู้มีรายได้น้อย ส่วนการจัดเก็บภาษีที่ดินว่างเปล่าในอัตรา 2% จะทำให้ผู้ที่มีที่ดินสะสมในมือจำนวนมาก หรือแลนด์ลอดท์ จะทยอยนำที่ดินออกมาขาย เนื่องจากต้องเสียภาษีในอัตราที่สูง อาทิ ที่ดินราคาประเมิน 1,000 ล้านบาทต้องเสียภาษีถึงปีละ 20 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีที่ดินออกมาขายในท้องตลาดเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่ไม่ยอมขาย อย่างไรก็ตามการจัดเก็บภาษีใหม่นี้เชื่อว่าจะไม่ทำให้ราคาที่ดินตก แค่ทำให้มีที่ดินออกมาขายมากขึ้นเท่านั้น
สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีแรก ชะลอตัวลงไปมากจากปัญหาทางการเมืองและเศรษฐกิจ ซึ่งภายหลังที่คณะรักษาความสงบห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศทำให้ปัญหาทุกอย่างคลี่คลายลงไปในทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะแผนลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐาน 2.4 แสนล้านบาท ที่ คสช. ได้ข้อสรุปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เชื่อว่าจะส่งผลดีต่อภาคเศรษฐกิจและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างมาก เนื่องจากมีเม็ดเงินไหลเข้าสู่ระบบ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการรถไฟทางคู่ และรถไฟสายต่างๆ ในกรุงเทพฯและปริมณฑล จะเป็นการเปิดหน้าดินให้แก่ภาคธุรกิจอสังหาฯ ทำให้มีทำเลที่มีศักยภาพในการลงทุนเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตามแม้ว่าครึ่งปีหลังอสังหาฯจะมีแนวโน้มการเติบโตดีขึ้น แต่ยังมีปัจจัยลบที่ต้องระมัดระวัง เช่น การปรับเพิ่มขึ้นหนี้ครัวเรือนจากสิ้นปี 56 อยู่ที่ประมาณ 1.8 แสนบาท/ครัวเรือน เพิ่มมา 16% เป็น 2.9 แสนบาท/ครัวเรือน ขณะที่สัดส่วนหนี้ภาคครัวเรือนต่อ GDP อยู่ในระดับเกินกว่า 82% ในปัจจุบัน จากสิ้นปี 56 อยู่ที่ระดับ 80% ซึ่งนับว่าเป็นปัญหาที่น่ากังวล สะท้อนไปถึงอัตราการปฏิเสธสินเชื่อเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 25-30% ในปัจจุบันจากปีที่แล้วอยู่ในระดับ 15% เท่านั้น โดยในส่วนของบริษัทอัตราปฏิเสธสินเชื่อของลูกค้าเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 25% ซึ่งอาจส่งผลต่อคุณภาพลูกค้าในอนาคตได้
