“อดีต กมธ.ที่ดิน” เรียกร้อง คสช.เบรกจับชาวบ้านอาศัยในพื้นทีทับที่ป่า หวั่น 5 ล้านครัวเรือนไร้ที่ทำกิน ชี้เป้านายทุนตุนที่ดินนับแสนไร่ ต้นเหตุความเหลื่อมล้ำ แนะให้เร่งคลอดกฎหมายเก็บภาษีที่ดิน-มรดก กระจายทรัพย์สินสู่คนจน
นายนคร มาฉิม อดีต ส.ส.พิษณุโลก และรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน สภาผู้แทนฯ กล่าวว่า จากคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 66/2557 เรื่องการปราบปราม และหยุดยั้งการบุกรุกทำลายป่า เชื่อว่ามาจากเจตนาที่ดีของ คสช. แต่เมื่อดำเนินการไปแล้วตอนนี้เกิดผลกระทบกับประชาชนตัวเล็กๆ ที่อาศัยทำกินอยู่ตามชายป่าจำนวนมากกว่า 4-5 ล้านครัวเรือน หรือประมาณ 10-11 ล้านราย ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่ทำมาหากินพอประทังชีวิตในครอบครัว แต่พอมีมาตรการนี้ของ คสช. คนกลุ่มนี้กลายเป็นพวกรุกป่า อยากให้ คสช.เน้นไปที่การรุกป่าของกลุ่มทุนที่ตอนนี้กว้านซื้อที่ดิน ส.ป.ก.จากชาวบ้านไปอยู่ในมือเป็นหมื่นเป็นแสนไร่ ขอให้แยกแยะกรณีที่ชาวบ้านใช้ที่ดินเพื่อทำกินกับนายทุนที่สะสมที่ดินเพื่อเก็งกำไรออกให้ชัดเจน
นายนครกล่าวว่า เข้าใจว่าทหารถูกปลูกฝังมาให้รักผืนป่า และยึดในความรู้เดิมว่าผืนป่าในประเทศไทยมี 70 เปอร์เซ็นต์ วันนี้จึงต้องการให้คงอยู่อย่างนั้น แต่อย่าลืมว่าวันนี้ประชากรในประเทศเพิ่มขึ้น 3 เท่า ฉะนั้นจึงมีการขยายที่ทำกิน จะให้คงสัดส่วนเดิมไว้เป็นไปไม่ได้ ขอให้ คสช.เข้าใจชาวบ้านที่ไร้ที่ดินทำกิน คนพวกนี้ไม่ได้อยากจะรุกป่าแต่เขาต้องการเพียงที่ดินเพื่อทำมาหากิน ทุกวันนี้มีคดีความว่าด้วยคนทับที่ป่า หรือป่าทับที่คนมากกว่า 3,000 คดี มาจากมุมมองของผู้มีอำนาจที่มองว่าชาวบ้านเป็นพวกบุกรุกป่า
“ขอเสนอให้ คสช.แก้ปัญหาที่ดินอย่างยั่งยืนด้วยการออกกฎหมายการเก็บภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า เพื่อบีบให้นายทุนที่สะสมที่ดินเอาไว้เป็นหมื่นเป็นแสนไร่ ต้องกระจายที่ดินออกมาให้คนจน รวมทั้งกฎหมายเก็บภาษีมรดก เพื่อป้องกันการกระจุกตัวของทรัพย์สินในสังคม จะเป็นการลดความเหลื่อมล้ำในสังคม แต่ถ้ายังเน้นปราบปรามชาวบ้านตัวเล็กๆ นอกจากจะไม่แก้ปัญหาในระยะยาวแล้วยังไม่ได้ใจประชาชนคนจนของประเทศอีกด้วย”
