แฉชัด! จ้างงานแก้แล้งพิจิตรมีทุจริต “หักหัวคิว-ทำบัญชีผี” ถลุงงบสนุกมือ

พิจิตร - ชาวนาบางมูลนาก ทนไม่ไหวโร่ร้องศูนย์ดำรงธรรม รับจ้างลอกคลองตามโครงการลดพื้นที่ทำนาปรัง งวดแรกถูกหักหัวคิวไม่พอ จบงวด 2 โดนดองค่าจ้างซ้ำ แฉชัด จนท.ทุจริต เช่าบัตร ปชช.ชาวนาทำบัญชีผีเบิกค่าจ้างกันสนุกมือ

วันนี้ (22 ม.ค.) พ.ต.ท.ถนอม จินาวา รอง ผกก.ป.สภ.บางมูลนาก ปฏิบัติหน้าที่รองหัวหน้าชุดเฉพาะกิจจังหวัดพิจิตร (ศูนย์ดำรงธรรม) ได้รับเรื่องราวร้องทุกข์จาก นายพรสิริชัย รอดเกิด อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105 หมู่ 4 ต.ดงป่าคำ อ.เมือง จ.พิจิตร ว่าตนเอง และเพื่อนบ้านที่เป็นชาวนานับร้อยคนได้เข้ารับจ้างตามโครงการจ้างงานเร่งด่วนของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อให้มีงานทำ และลดพื้นที่การทำนาปรังแก้ปัญหาภัยแล้ง แต่กลับถูกหักหัวคิวเงินค่าจ้าง

นายพรสิริชัย กล่าวด้วยอาการวิตก และหวาดผวาว่า ตนกับเพื่อนชาวนาไปขึ้นทะเบียน และรับจ้างทำงานในโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาดงเศรษฐีพิจิตร ของสำนักงานชลประทานจังหวัด โดยมีเจ้าหน้าที่ชื่อเล่นว่า “เก่ง” มาเป็นผู้ดำเนินการรับเอกสาร และบอกว่าจะได้ค่าแรงคนละ 300 บาทต่อวัน แต่ได้อ้างระเบียบ และบังคับให้ทุกคนต้องเอาบัตร ATM สมุดบัญชีธนาคารมามอบไว้ให้ด้วย ซึ่งตนและพวกเกรงว่าจะไม่ได้งานทำ จึงยอมทำตามเงื่อนไข

จากนั้นชาวบ้านนับ 100 คนก็ได้ไปทำงานขุดลอกตะกอนดินตามคลองส่งน้ำต่างๆ งวดแรก 20 วัน ซึ่งจะต้องได้เงินรวม 6,000 บาท แต่ปรากฏว่า “นายเก่ง” ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่อยู่ในหน่วยงานย่อยของโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาดงเศรษฐีพิจิตร เอาเงินค่าจ้างมาให้เพียงแค่ 5,100 บาท ชาวบ้านทวงถามส่วนที่ขาดไป “นายเก่ง” ก็ไม่ยอมให้ ตนเองจึงได้รู้ว่าชาวนาที่มารับจ้างในโครงการนี้โดนหักเงินเป็นค่าหัวคิวคนละ 900 บาททุกคน

“ตอนสิ้นสุดงานงวดแรกยังไม่กล้าร้องทุกข์ ยอมทนทำงานในงวดที่ 2 ต่อ ซึ่งขณะนี้งานจบโครงการมาแล้วหลายสิบวัน ก็ยังไม่ได้รับเงินค่าจ้างงานงวดที่ 2 จึงมาร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรมพิจิตร ให้เอาผิด และทวงเงินคืนให้”

นายพรสิริชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการจ้างงานเกษตรกรให้มีงานทำในช่วงฤดูแล้งที่จังหวัดพิจิตร นอกจากจะมีการหักหัวคิวแล้ว ยังมีการขอเช่าบัตรประชาชนชาวบ้าน โดยให้ค่าตอบแทนรายละ 800 บาทต่อเดือน แต่เจ้าของบัตรประชาชนไม่ต้องมาทำงาน ส่วนค่าแรงที่แท้จริงนั้นก็จะถูกคนกลุ่มนี้ทำบัญชีผีไปเบิกจากรัฐบาลแทน

ด้าน พ.ต.ท.ถนอม ได้รายงานเรื่องดังกล่าวให้หัวหน้าโครงการชลประทานดงเศรษฐีพิจิตรทราบแล้ว และได้รับคำตอบว่าจะจัดการสอบสวนข้อเท็จจริง