พิจิตร - ทหารและศูนย์ดำรงธรรมรับเรื่องร้องเรียน อสม.ทำงานนอกหน้าที่เรียกประชุมชาวบ้านขอสำเนาทะเบียนบ้าน-บัตรประชาชน อ้างแจกกล่องรับสัญญาณดิจิตอล ทำชาวบ้านสับสน
วันนี้ (12 ต.ค.) นายนพรัตน์ ตั้งกิตติถาวร รองผู้ว่าราชการจังหวัดพิจิตร และ พ.อ.สุพจน์ บุรณจารี รองผู้บังคับการกองกำลังรักษาความสงบประจำพื้นที่จังหวัดพิจิตร เปิดเผยว่า ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผ่านศูนย์ดำรงธรรม ว่ามีผู้ไปขอเก็บสำเนาทะเบียนบ้านและบัตรประชาชน โดยบอกว่าจะได้รับแจกกล่องรับสัญญาณดิจิตอลทีวี จึงได้ให้ พ.ต.ท.ถนอม จินาวา รองหัวหน้าชุดเฉพาะกิจศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิจิตร ไปสืบหาข่าว จนรู้ตัวกลุ่มผู้กระทำดังกล่าวแล้วว่าเป็นกลุ่ม อสม.
จึงได้เชิญตัวนายมานพ ก้อนเพชร ประธาน อสม.จังหวัดพิจิตร และพวกซึ่งเป็นแกนนำ อสม.ระดับอำเภอมาทำการสอบปากคำ ซึ่งนายมานพยอมรับว่าเมื่อหลายเดือนที่ผ่านมาได้ไปร่วมประชุมเครือข่าย อสม.ทั่วประเทศที่กรุงเทพฯ แล้วมีนายทุนผู้จำหน่ายกล่องรับสัญญาณดิจิตอลขอเข้ามาพูดคุยบนเวที จากนั้นได้เสนอธุรกิจและผลประโยชน์ในห้องประชุมใหญ่ ซึ่งประธาน อสม.จากทั่วประเทศคิดเอาเองว่าไม่ใช่เรื่องเสียหาย เป็นประโยชน์ต่อชาวบ้านที่จะได้ของฟรี แถม อสม.ได้รับค่าตอบแทน จึงได้รับไปดำเนินการ โดยสั่งการลงไปเป็นชั้นๆ ว่าให้ อสม.ลงไปสำรวจความต้องการกล่องรับสัญญาณดิจิตอลตามครัวเรือน จะได้รับค่าตอบแทน 35 บาทต่อกล่อง และให้เอาไปแบ่งกัน โดยแกนนำและผู้ลงไปปฏิบัติการสำรวจจะได้ 20 บาท แกนนำระดับอำเภอผู้รวบรวมได้ 4 บาท แกนนำระดับตำบลรวมรวมจากหมู่บ้านต่างๆ ได้ 10 บาท ส่วนผู้ที่รับจ้างคีย์ข้อมูลได้ 1 บาท รวม 35 บาท
ซึ่งนายมานพยืนยันว่าตนเองไม่ได้รับผลประโยชน์แม้แต่บาทเดียว และไม่เคยไปเก็บเงินจากชาวบ้าน แต่ด้วยเจตนาบริสุทธิ์อยากเห็นสมาชิก อสม.มีรายได้ จึงได้ไปรับงานนี้มา และ อสม.ก็ทำกันแบบนี้ตามมติที่ประชุมกันทั้งประเทศ
ด้านนายนพรัตน์จึงได้ห้ามปรามว่าไม่ควรทำงานนอกหน้าที่ของ อสม. เพราะไม่รู้ว่าสินค้าที่เราไปเชียร์ให้ชาวบ้านเอาคูปองจากรัฐบาลไป และใช้รับสัญญาณนั้นจะมีคุณภาพหรือไม่ อีกทั้งถือเป็นการชี้นำจาก อสม. หากเกิดความเสียหายขึ้นชื่อเสียงที่สะสมมาก็จะพลอยด่างพร้อย หรือได้ไม่เท่าเสีย จึงขอร้องให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว แต่ถ้าจะทำก็ขอให้เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่ใช่เอาเครื่องแบบ อสม.ไปหากิน หรือใช้วิธีเรียกประชุมชาวบ้านแล้วเอาเรื่องธุรกิจเข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งทุกฝ่ายต่างเข้าใจและรับปากว่าจะไม่ทำอีก
