บุรีรัมย์ - ผู้ใหญ่บ้านพร้อมลูกบ้าน ต.สวายจีก อ.เมืองบุรีรัมย์ บุกร้องศูนย์ดำรงธรรมช่วยเหลือ หลังมีผู้บุกรุกถมและทำลายคลองส่งน้ำที่ไหลผ่านพื้นที่นา โดยใช้รถแบ็กโฮขุดดินถมทำเป็นถนนปิดคลองตลอดแนวยาวกว่า 1 กม. ทำให้น้ำไม่สามารถไหลผ่านได้ ขณะ จนท.รุดตรวจสอบเร่งแก้ไขปัญหา
วันนี้ (24 ธ.ค.) นายชัยวัฒน์ กระแสรัมย์ ผู้ใหญ่บ้าน ม.10 ต.สวายจีก อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ พร้อมลูกบ้านกว่า 10 คน ได้นำหนังสือพร้อมหลักฐานรูปถ่ายเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดบุรีรัมย์ให้ช่วยเหลือ กรณีที่ นายโกรธ ศรีพรมทอง ชาวบ้าน ม.12 ต.สวายจีก ได้บุกรุกและทำลายคลองส่งน้ำชลประทาน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าคลองไส้ไก่ ที่รับน้ำจากชลประทานไหลผ่านพื้นที่นา
โดยได้ใช้รถแบ็กโฮขุดดินถมปิดทับคลองส่งน้ำดังกล่าวทำเป็นถนนตลอดแนวระยะทางยาวกว่า 1 กิโลเมตร ทำให้น้ำไม่สามารถไหลผ่านได้ สร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านและเกษตรกร ม.10 และ ม.12 เกือบ 20 ครัวเรือนที่ใช้ประโยชน์จากคลองส่งน้ำดังกล่าวไม่มีน้ำใช้ในการทำนา
ขณะที่นายโกรธ ศรีพรมทอง ผู้ที่ถูกร้อง อ้างว่าไม่ได้มีเจตนาที่จะบุกรุกหรือทำลายคลองส่งน้ำ แต่ที่นำดินมาถมก็เพราะต้องการให้เป็นทางเดินและใช้ประโยชน์ร่วมกันเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ พ.ท.ประพล อาจหาญ ผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายรับเรื่องร้องทุกข์ ศูนย์ดำรงธรรม จ.บุรีรัมย์ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยตัวแทนชลประทานจังหวัดบุรีรัมย์ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ อบต. กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และกรรมการหมู่บ้าน เข้าพูดคุยสอบสวนข้อเท็จจริงก่อนจะลงพื้นที่ตรวจสอบ
จากการลงพื้นที่พบว่ามีการขุดดินถมทับคลองส่งน้ำจริง แต่จากการสอบถามชาวบ้านที่ถูกร้องบอกว่าไม่ได้มีเจตนาจะทำลาย แต่ทำไปเพราะต้องการให้เป็นทางเดิน และจากการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ข้อสรุปว่า ให้นายโกรธดำเนินการแก้ไขให้กลับคืนสภาพเดิม เพื่อให้ชาวบ้านและเกษตรกรสามารถใช้ประโยชน์จากคลองส่งน้ำดังกล่าวได้ตามปกติโดยเร็ว
ด้าน นายสาโรจน์ เหง้าพรหมมินทร์ นายช่างชลประทานชำนาญงานโครงการชลประทาน จ.บุรีรัมย์ ระบุว่า คลองดังกล่าวที่มีการร้องเรียนเป็นระบบคูน้ำ หรือคลองไส้ไก่ ซึ่งเป็นคลองคอนกรีต มีเส้นผ่าศูนย์กลางคลองยาวข้างละ 2 เมตร รวม 2 ข้างเป็น 4 เมตร เฉพาะตัวคลองน้ำมีความยาว 1.8 เมตร ลึก 50 เซนติเมตร ประโยชน์คือรับน้ำจากคลองสายใหญ่ที่ทางชลประทานปล่อยให้เพื่อใช้สำหรับทำการเกษตร แต่สภาพปัจจุบันชาวบ้านได้นำดินมาถมเป็นแนวยาวประมาณ 1 กม. ทำเป็นถนนทำให้ไม่สามารถส่งน้ำได้
การกระทำดังกล่าวถือเป็นการทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ซึ่งหลังจากที่ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับศูนย์ดำรงธรรมแล้ว ได้ข้อสรุปว่าชาวบ้านที่ถมดินทับคลองจะดำเนินการแก้ไขให้อยู่ในสภาพเดิมให้น้ำสามารถไหลผ่านได้ตามปกติ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านหรือเกษตรกรที่ใช้น้ำในการทำการเกษตร