ศูนย์ข่าวศรีราชา - เปิดแผนพัฒนา ทลฉ. ปี 58 เน้นเดินหน้าโครงการเร่งด่วน ทั้งก่อสร้างโครงการท่าเรือชายฝั่งแห่งใหม่ และศูนย์ขนถ่ายตู้สินค้าทางรถไฟ ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้เริ่มลงมือในช่วงกลางปี ขณะที่เป้าหมายการขนถ่ายตู้สินค้าคาดจะเติบโตได้อีก 5% จากการส่งออกที่อาจลดลงตามปัจจัยลบรอบด้าน
วันนี้ (21 ม.ค.) ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ได้จัดพิธีทำบุญเนื่องในวันสถาปนาท่าเรือแหลมฉบัง ครบรอบ 24 ปี ที่สำนักงานท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี โดยมีผู้ประกอบการท่าเรือเอกชน และองค์กรต่างๆ เข้าร่วมแสดงความยินดี ภายในงานยังจัดให้มีพิธีมอบทุนสนับสนุนโรงเรียนต่างๆ ในพื้นที่โดยรอบ
ร.อ.สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง กล่าวถึงนโยบายการพัฒนาท่าเรือฯ ในปี 2558 ว่า จะมุ่งเน้นการดำเนินโครงการเร่งด่วนใน 2 เรื่อง ตามนโยบายของการท่าเรือแห่งประเทศไทย และรัฐบาลที่ต้องการให้เกิดขึ้นจริงในกลางปีนี้ ทั้งการก่อสร้างโครงการท่าเรือชายฝั่งแห่งใหม่ และศูนย์ขนถ่ายตู้สินค้าทางรถไฟ เพื่อให้แล้วเสร็จ และเริ่มประกอบการได้จริงในปี 2560
นอกจากนั้น ยังมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาด้านการจราจรภายในท่าเรือฯ โดยเฉพาะช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ซึ่งแม้ว่าในปี 2557 จะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้ในระดับหนึ่งหลังการก่อสร้างประตู 4 แล้วเสร็จและเปิดใช้งานได้ โดยในส่วนที่ต้องดำเนินการต่อไปคือ การเร่งรัดประกวดราคาเพื่อหาผู้รับเหมาก่อสร้างโครงการโครงข่ายถนนเชื่อมต่อจากทางหลวงหมายเลข 7 ของกรมทางหลวง เพื่อลดปัญหาจุดตัดต่างๆ และปัญหาคอขวด เพื่อให้การระบายรถจากท่าเรือออกสู่พื้นที่ภายนอกเป็นไปอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ยังจะให้ความสำคัญต่อการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ในการอำนวยความสะดวกเรื่องการขนส่งสินค้า และจัดทำข้อมูลที่เชื่อมต่อระหว่างศุลกากร ท่าเรือแหลมฉบัง และผู้ประกอบการให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันเพื่อให้เกิดความรวดเร็วภายใต้งบประมาณที่เหมาะสม รวมทั้งการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพ และกาพัฒนาสินค้าที่มีอยู่ในพื้นที่ของชุมชนโดยรอบ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมด้านการศึกษาให้แก่เยาวชน โดยเฉพาะการสอนภาษาอังกฤษในโรงเรียนต่างๆ ที่จำเป็นต้องจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติม
ขณะที่เป้าหมายการเพิ่มจำนวนตู้สินค้าที่ขนถ่ายผ่านท่าเรือแหลมฉบัง คาดว่าในปี 2558 จะเติบโตประมาณ 5% ตามทิศทางเศรษฐกิจซึ่งขณะนี้ประเทศคู่ค้าหลักอย่างยุโรป อเมริกา และรัสเซียมีปัญหาเรื่องกำลังซื้อ และผลกระทบจากการถูกตัดสิทธิประโยชน์ทางการค้าของไทยจากกลุ่มประเทศแถบยุโรป
“ในปี 2557 ท่าเรือแหลมฉบังมีการเติบโตของตู้สินค้าที่ขนถ่ายผ่านท่าจากปีก่อนถึง 8% คือมีตู้สินค้าประมาณ 6.24 ล้านทีอียู แต่ก็เป็นการเติบโตที่สวนทางต่อรายได้ เพราะในช่วงที่ผ่านมาประเทศไทยขายสินค้าได้ในราคาถูก และสินค้าที่ขายก็เป็นสินค้าที่ไม่มีราคา ในอนาคตผู้ประกอบการจึงจำเป็นต้องเร่งพัฒนาสินค้าให้ได้คุณภาพเพื่อสร้างราคาในการส่งออกให้มากยิ่งขึ้น และแม้ผลประกอบการในปีที่จะมีกำไรอยู่ที่ 5.2 พันล้านบาท แต่เป็นกำไรที่เกิดจากการใช้สินทรัพย์ที่มีให้เกิดมูลค่า เช่น การหาผู้ประกอบการเขาเช่าพื้นที่วางจนเต็ม จึงทำให้มีเม็ดเงินจุนเจือโดยไม่เกี่ยวกับค่าธรรมเนียมตู้สินค้าที่มีไม่มากนัก”
ส่วนการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังในเฟสที่ 3 ยังคงต้องรอดูศักยภาพในการรองรับตู้สินค้าของท่าเรือในเฟส 1 และ 2 ว่ายังอยู่ในขีดความสามารถที่รับได้หรือไม่ ทั้งนี้ หากยังไม่เกินขีดความสามารถ ท่าเรือแหลมฉบังก็จะยังไม่เดินหน้าก่อสร้างท่าเทียบเรือเฟสใหม่ เนื่องจากต้องใช้งบลงทุนสูงประมาณ 6-7 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ