xs
xsm
sm
md
lg

แผนลดปัญหาการจราจรแหลมฉบังใกล้ความจริง คาดเปิดประมูลได้ ก.พ.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวศรีราชา - โครงการลดปัญหาขนส่งสินค้าทางบก ส่งผลกระทบต่อการจราจรท่าเรือแหลมฉบังใกล้เป็นจริง หลังเจ้ากระทรวงคมนาคมเผยเสนอ ครม.แล้ว คาดได้รับอนุมัติเร็วๆ นี้ พร้อมเปิดประมูลได้เดือนกุมพาพันธ์ ใช้เวลาก่อสร้าง 1 ปี 8 เดือน จะสามารถลดปริมาณการขนส่งตู้สินค้าทางรถยนต์ได้อย่างมหาศาล

เมื่อเร็วๆ นี้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง 8 ปี (2558-2565) มีครบถ้วนทั้งทางบก ราง น้ำ อากาศ รวมถึงเร่งพัฒนาขนส่งทางน้ำ รวม 7,098 ล้านบาท มีโครงการท่าเทียบเรือชายฝั่ง A ท่าเรือแหลมฉบัง พัฒนาศูนย์การขนส่งตู้สินค้าทางรถไฟที่ท่าเรือแหลมฉบัง ทั้ง 2 โครงการเสนอ ครม.แล้ว คาดว่ามกราคมนี้จะได้รับการอนุมัติ พร้อมเปิดประมูลได้ในเดือนกุมพาพันธ์ และเริ่มสร้างได้ในเดือนกรกฎาคม 2558

สำหรับทั้ง 2 โครงการดังกล่าว ทางท่าเรือแหลมฉบังได้มีโครงการที่จะดำเนินมาหลายปีเพื่อแก้ปัญหาการจราจร โดย ร.อ.สุทธินันท์ หัตถวงษ์ ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง (ทลฉ.) อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี กล่าวว่า การก่อสร้างท่าเรือชายฝั่งบริเวณก้นแอ่งจอดเรือที่ 1 ระหว่างท่าเรือโดยสาร A1 และท่าเทียบเรือชายฝั่งและอเนกประสงค์ A0 พื้นที่ประมาณ 43 ไร่ เพื่อสนับสนุนนโยบายการพัฒนาระบบลอจิสติกส์ และส่งเสริมการขนส่งทางน้ำ ได้เคยเตรียมนำเข้า ครม.มาแล้วในรัฐบาลที่ผ่านมา แต่มีการประกาศยุบสภาเสียก่อน ทำให้โครงการดังกล่าวต้องชะงักไป จนถึงปัจจุบันได้มีการตั้งรัฐบาลใหม่จึงได้มีการผลักดันเพื่อนำเข้า ครม.อีกครั้ง

ทั้งนี้ หากโครงการได้รับความเห็นชอบ ท่าเรือแหลมฉบังจะจัดจ้างก่อสร้างโครงการในทันที คาดว่าจะใช้งบประมาณ 1.8 พันล้านบาท ซึ่งท่าเรือแหลมฉบังเป็นผู้ลงทุนเองทั้งหมดเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า

สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือชายฝั่งมีเป้าหมายสำคัญที่การลดปริมาณการขนส่งตู้สินค้าทางรถยนต์ จากเดิมที่มีประมาณ 90% ให้เหลือ 0% โดยชูจุดขายด้านความสะดวกสบาย และลดปัญหาการจราจร ซึ่งขณะนี้ท่าเรือแหลมฉบังสามารถเพิ่มปริมาณการขนส่งสินค้าทางน้ำได้ปีละ 4-5% คาดว่าหากโครงการนี้แล้วเสร็จจะสามารถสนับสนุนการขนส่งสินค้าทางรถไฟ และจะทำให้ตัวเลขการใช้เส้นทางขนส่งสินค้าทางถนนลดลงได้มากกว่า 50%

โดยท่าเรือชายฝั่งจะมีขีดความสามารถรองรับตู้สินค้าได้ไม่น้อยกว่า 3 แสนทีอียูต่อปี และในอนาคตหากมีการพัฒนาเครื่องมือยกตู้สินค้าได้ดี ขีดความสามารถในการขนถ่ายตู้สินค้าก็จะเพิ่มมากขึ้น และยังกระตุ้นการรักษาสิ่งแวดล้อม และการลดใช้พลังงานน้ำมันด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น