xs
xsm
sm
md
lg

“NGO อีสาน” ลั่นไม่ยอมรับอำนาจรัฐบาลทหาร จวกเผด็จการ-ปิดกั้นความเห็น ปชช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวขอนแก่น - 12 องค์กรเครือข่ายภาคประชาชนอีสานออกแถลงการณ์ ไม่ร่วม “ปฏิรูปใต้ท็อปบูต คสช.” ไม่ยอมรับกลไกและเครื่องมือที่เกิดจากรัฐประหาร ทั้ง ครม.-สนช.-สปช. ไม่ร่วมสังฆกรรมทุกกระบวนการภายใต้อำนาจเผด็จการทหาร จวกพฤติกรรมของผู้นำรัฐบาลและหัวหน้า คสช.ใช้อำนาจเผด็จการทหารมากกว่าการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น

รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 57 ที่ผ่านมา เครือข่ายองค์กรภาคประชาชนอีสาน 12 องค์กรได้ร่วมกันออกแถลงการณ์ประกาศจุดยืนใน 2 ประเด็นหลัก คือ 1. ไม่ยอมรับอำนาจรัฐประหารจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ 2. ไม่ยอมรับกลไกและเครื่องมือที่เกิดจากรัฐประหาร เช่น คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาปฏิรูปแห่งชาติ และปฏิเสธการเข้าร่วมเวทีหรือกระบวนการใดๆ ที่กำลังจัดทำข้อเสนอให้คณะรัฐมนตรี สภานิติบัญญัติแห่งชาติ และสภาปฏิรูปแห่งชาติ

โดยในแถลงการณ์ “ไม่ปฏิรูปใต้ท็อปบูต คสช.” ระบุว่า นับตั้งแต่ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ทำการรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 และออกประกาศ คำสั่ง เพื่อล้มล้างนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ทั้งหมด แล้วแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ขึ้นมาแทนที่

ผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนคือ ไม่มีกลไกทางการเมืองใดที่แต่งตั้งโดย คสช.ที่ยึดโยงอำนาจกับประชาชน ในที่สุดการเมืองไทยก็วนเวียนกลับมาสู่วงจร อุบาทว์เช่นเดิม

ในแถลงการณ์ระบุต่อว่า ภาพที่เห็นคือพฤติกรรมของผู้นำรัฐบาลและหัวหน้า คสช.ได้ใช้อำนาจแบบสั่งการ หรือใช้อำนาจเผด็จการทหารมากกว่าการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้แสดงความคิดเห็น ตั้งคำถาม คาถาที่ท่านผู้นำสั่งการให้ประชาชนท่องคือ “มีปัญหาไปเสนอที่ สปช. และศูนย์ดำรงธรรม” ขณะเดียวกันกลไกข้าราชการและทหารในระดับพื้นที่ก็ไล่จับชาวบ้าน ผลักดันให้ออกจากผืนดินทำกิน และเดินหน้าลดขั้นตอนและกระบวนการขออนุญาตโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อเอื้อต่อการลงทุน เตรียมเสนอร่าง พ.ร.บ.แร่ ร่าง พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ เดินหน้าเปิดสัมปทานปิโตรเลียม ขายทรัพยากรชาติ ผลักดันโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่

โดยเฉพาะประเด็นผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมจากโครงการต่างๆ ไม่ได้อยู่ในสายตาของท่านผู้นำ แน่นอนว่าใครขัดขวางจะต้องถูกจัดการโดยอำนาจที่มาจากกฎอัยการศึก และกฎอัยการศึกไม่มีท่าทีที่จะยกเลิกแต่อย่างใด โดยคณะ คสช. อ้างว่ายังมีคลื่นใต้น้ำพร้อมที่จะสร้างความวุ่นวาย

แต่กฎอัยการศึกนั้นได้ใช้เป็นเครื่องมือละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชนที่จะออกมาปกป้องสิทธิของตนเองจากการกระทำของข้าราชการและทหาร โดยกลุ่มชาวบ้านที่เดือดร้อนถูกเหมารวมเป็นพวกที่ไม่อยากให้ประเทศเดินหน้าปฏิรูป ทั้งๆ ที่การปกป้องชุมชนเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน

นอกจากนี้ ในแถลงการณ์ยังระบุอีกว่า คสช.ได้ใช้วาทกรรม “เดินหน้าปฏิรูปประเทศไทย คืนความสุขให้ประชาชน” ครอบงำคนในสังคมให้เชื่อ โดยไม่ตั้งคำถามว่าจะเป็นจริงหรือไม่ ในขณะเดียวกันการเคลื่อนไหวของภาคประชาชนที่มีองค์กรพัฒนาเอกชน (NGOs) นักศึกษา นักวิชาการ องค์กรอิสระหรือปัญญาชน ที่กำลังเตรียมตัวเข้าสู่กระบวนการปฏิรูปประเทศควรจะต้องตั้งคำถามว่า 1.) การรัฐประหารครั้งนี้เป็นโอกาสของประชาชนจริงหรือไม่? 2.) ประชาชนจะปฏิรูปประเทศในขณะที่ยังไม่มีสิทธิและเสรีภาพหรืออย่างไร? และ 3.) ประชาชนเป็นเพียงหางเครื่องของคณะรัฐประหารหรือชนชั้นนำหรือไม่?

ในนามเครือข่ายองค์กรภาคประชาชนอีสานมีความเห็นว่า การเข้าไปอยู่ในกลไกของคณะรัฐประหาร เช่น คณะรัฐมนตรี (ครม.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เท่ากับเป็นการสนับสนุนให้คณะรัฐประหารหรือกลไกที่เกิดจากรัฐประหารทำลายความเข้มแข็งของภาคประชาชน และไม่สามารถมีพลังคัดค้านและตรวจสอบนโยบายรัฐ กฎหมาย หรือโครงการพัฒนาใดๆ ที่เกิดในช่วงรัฐประหารได้เลย หรือกลับกลายเป็นการยอมรับการรัฐประหารในที่สุด

ดังนั้น จึงขอประกาศไม่ยอมรับอำนาจรัฐประหารจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ครั้งนี้ด้วยประการทั้งปวง

สำหรับ 12 องค์กรเครือข่ายภาคประชาชนอีสานที่ร่วมลงนามในแถลงการณ์ฉบับดังกล่าว ประกอบด้วย
1. ศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติภาพ อีสาน (ศสส.)
2. กลุ่มนิเวศวัฒนธรรมศึกษา
3. โครงการขับเคลื่อนนโยบายสาธารณะด้านทรัพยากรแร่
4. เครือข่ายประชาชนผู้เป็นเจ้าของแร่ ประเทศไทย
5. เครือข่ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมภาคอีสาน
6. ศูนย์พิทักษ์สิทธิการจัดการทรัพยากรชุมชนลุ่มน้ำชี (ศสช.)
7. โครงการปฏิบัติการเพื่อสิทธิคนจน (ภาคอีสาน)
8. เครือข่ายนักสิทธิมนุษยชนภาคอีสาน
9. กลุ่มบ้านสันติภาพ
10. กลุ่มสื่อเสียงคนอีสาน
11. ศูนย์สื่อชุมชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ศสธ.)
และ 12. ศูนย์กฎหมายสิทธิมนุษยชนเพื่อสังคม

ขณะที่รายชื่อบุคคลที่ลงนามร่วมสนับสนุนในท้ายแถลงการณ์ ประกอบด้วย 1. นายจักรพงศ์ ธนวรพงศ์ 2. นายสุวิทย์ กุหลาบวงษ์ 3. นายเลิศศักดิ์ คำคงศักดิ์ 4. นายสิริศักดิ์ สะดวก 5. นายปัญญา คำลาภ 6. นายเดชา คำเบ้าเมือง 7. นายนัฐพงษ์ ราชมี 8. นายณตฤณ ฉอ้อนศรี 9. นายไพฑูรย์ สร้อยสด 10. นายสว่าง น้อยคำ 11. นางชลธิชา ตั้งวรมงคล 12. นายวิทูวัจน์ ทองบุ 13. น.ส.ณัฐพร อาจหาญ 14. นายอดิศักดิ์ ตุ้มอ่อน 15. นายนิติกร ค้ำชู และ 16. นายยงยุทธ ดงประถา


กำลังโหลดความคิดเห็น