รอยเตอร์ - เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพซีเรียทิ้งระเบิดถัง (barrel bomb) 2 ลูกใส่ค่ายพลเรือนพลัดถิ่นในจังหวัดอิดลิบทางตอนเหนือของประเทศ โดยปรากฏคลิปวิดีโอชิ้นส่วนศพที่กระจัดกระจายและถูกไฟเผาจนไหม้เกรียมเป็นที่น่าอเนจอนาถ
ภาพเหตุการณ์ซึ่งถูกโพสต์ลงเว็บไซต์ยูทิวบ์เผยให้เห็นศพของสตรีและเด็กๆ ตลอดจนเต็นท์ซึ่งถูกไฟไหม้ และผู้รอดชีวิตที่พยายามเข้าช่วยเหลือคนเจ็บ โดยมีเสียงพูดจากในคลิปว่า “นี่คือการสังหารหมู่ผู้ลี้ภัย”
เสียงพูดของชายในคลิปยังบอกต่อว่า “ขอให้ทั่วโลกได้เห็น คนเหล่านี้ไม่มีที่อยู่อาศัย ลองดูสิ พวกเขาเป็นพลเรือนทั้งนั้น พลเรือนซึ่งต้องจากบ้านเรือนหนีการทิ้งระเบิดมา”
ชายอีกคนที่ปรากฏในคลิปวิดีโอการทิ้งระเบิดที่ค่ายอาเบดิน ระบุว่า ค่ายแห่งนี้เป็นที่พักพิงของประชาชนที่หนีการสู้รบในจังหวัดฮามา และระเบิดถังที่ถูกทิ้งลงกลางค่ายได้คร่าชีวิตพวกเขาไปถึง 75 คน
สื่อรัฐบาลซีเรียไม่ได้เอ่ยถึงปฏิบัติการสังหารหมู่ครั้งนี้ ขณะที่ศูนย์สังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียซึ่งติดตามเหตุรุนแรงในสงครามกลางเมืองซีเรีย รายงานว่า มีผู้อพยพเสียชีวิตไป 10 ราย
ทั้งนี้ รอยเตอร์ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า มีการโจมตีเช่นนี้เกิดขึ้นและเป็นฝีมือของกองทัพซีเรียจริงหรือไม่
ระเบิดถังเป็นอาวุธที่ทำขึ้นได้ง่ายๆ โดยนำถังขนาดใหญ่มาบรรจุตะปู เศษเหล็ก และดินระเบิด จากนั้นจึงหย่อนจากเฮลิคอปเตอร์ลงไปยังพื้นที่เป้าหมาย
นักสิทธิมนุษยชนชี้ว่า กองทัพซีเรียยังคงใช้ระเบิดประเภทนี้ทำลายย่านชุมชนอยู่ ทั้งที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติได้มีมติห้ามใช้วัตถุระเบิดที่สังหารคนแบบไม่เลือกหน้า
สหรัฐฯ ได้ออกมาประณามข่าวโศกนาฏกรรมครั้งนี้ทันที แต่ก็ไม่ยืนยันเช่นกันว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงหรือไม่
“เหตุโจมตีที่ค่ายอาเบดินเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อนอย่างแท้จริง... หากยืนยันได้ว่าเป็นฝีมือกองทัพอัสซาด ก็เป็นที่น่าเสียใจที่พวกเขาใช้ความรุนแรงกับพลเมืองของตนเองอีกครั้งหนึ่ง” เจน ซากี โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลง
จากคลิปวิดีโอพบว่า มีชายคนหนึ่งขับมอเตอร์ไซค์เข้าไปถึงที่เกิดเหตุ และร้องตะโกนบอกคนอื่นๆ ว่าให้ช่วยนำร่างของเหยื่อที่แขนขาขาดไปส่งโรงพยาบาล เผื่อว่าพวกเขาจะมีชีวิตรอด
สงครามกลางเมืองซีเรียเริ่มปะทุขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2011 หลังจากประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด สั่งให้กองกำลังความมั่นคงใช้ความรุนแรงปราบปรามผู้ชุมนุมที่เรียกร้องประชาธิปไตย การสู้รบที่ยืดเยื้อมานานกว่า 3 ปีทำให้มีผู้พลัดถิ่นฐานเกือบ 10 ล้านคน และผู้ลี้ภัยกว่า 3 ล้านคนตัดสินใจหนีออกนอกประเทศ ขณะเดียวกันสงครามยังได้คร่าชีวิตพลเมืองไปแล้วเกือบ 200,000 คน ตามข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ
นักสิทธิมนุษยชนชี้ว่า ทั้งฝ่ายรัฐบาลซีเรียและฝ่ายกบฏล้วนแต่มีส่วนในการสังหารหมู่ และทำลายทรัพย์สินบ้านเรือนของประชาชน
