รับไม่ได้! นักสิทธิฯจวกสภาออสซี่ไล่ “หญิงมุสลิมปิดหน้า” ไปนั่งในห้องกรุกระจกเพื่อความปลอดภัย

เอเอฟพี – รัฐสภาออสเตรเลียยอมยกเลิกข้อเสนอให้สตรีมุสลิมที่สวม “นิกอบ” ปกปิดใบหน้าต้องนั่งแยกในห้องกรุกระจกเมื่อไปสังเกตการณ์การประชุมรัฐสภา วันนี้(20) หลังถูกนักสิทธิมนุษยชนติเตียนอย่างรุนแรงว่าเป็นคำสั่งแบ่งแยกกีดกัน

การตัดสินใจล่าถอยของผู้นำรัฐสภามีขึ้น หลังจากเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม บราวนี บิชอป ประธานสภาผู้แทนราษฎรออสเตรเลีย และ สตีเฟน แพร์รี ประธานวุฒิสภา ได้เสนอมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ห้ามสตรีมุสลิมที่สวมผ้าปิดหน้านั่งในโซนสำหรับประชาชนทั่วไป แต่ต้องไปอยู่ในห้องกรุกระจกชั้นบน ซึ่งเป็นที่สำหรับเด็กนักเรียนที่อาจส่งเสียงดังรบกวนเมื่อไปรัฐสภา

คำสั่งดังกล่าวมีที่มาจากการอภิปรายอย่างเผ็ดร้อนว่าด้วยเรื่องภัยคุกคามจากกลุ่มก่อการร้ายรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่เชิญชวนให้แนวร่วมก่อเหตุโจมตีในออสเตรเลีย

อย่างไรก็ดี ข้อเสนอเช่นนี้กลับถูกนักสิทธิมนุษยชนและนักเคลื่อนไหวต่อต้านการแบ่งแยกผิวประณามอย่างรุนแรง แม้แต่นายกรัฐมนตรี โทนี แอบบ็อตต์ ก็ยังแนะนำให้รัฐสภาทบทวนแนวปฏิบัติเสียใหม่

ทิม สูตพมมะเสน (Tim Soutphommasane) กรรมาธิการด้านการแบ่งแยกผิว ให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวแฟร์แฟกซ์ว่า ระเบียบที่ออกมาถือเป็นการเลือกปฏิบัติระหว่างผู้หญิงมุสลิมกับผู้หญิงที่นับถือศาสนาอื่นๆ

“ไม่มีใครสมควรถูกเลือกปฏิบัติเหมือนเป็นพลเมืองชั้นสอง อย่าว่าแต่ในรัฐสภาเลย... ผมยังไม่เคยได้ยินความเห็นผู้เชี่ยวชาญ หรือบทวิเคราะห์ใดๆ ที่ชี้ว่า การสวม บุรกอ (ปกปิดทั้งศีรษะ) หรือ นิกอบ (เปิดเฉพาะดวงตา) จะก่อภัยคุกคามเป็นพิเศษ”

โทนี เบิร์ก ส.ส.พรรคแรงงานฝ่ายค้าน กล่าวชื่นชมรัฐสภาที่ยอมละทิ้งข้อเสนอซึ่งสร้างความแตกแยก แต่ก็อดตำหนิไม่ได้ว่า กฎเกณฑ์เช่นนี้ไม่ควรจะถูกเสนอขึ้นมาตั้งแต่ต้น

“อะไรทำให้พวกเขาคิดว่าการแบ่งแยกคือสิ่งที่ดี” เบิร์ก ตั้งคำถาม

สำนักงานบริการรัฐสภาได้มีถ้อยแถลงล่าสุดว่า มีการปรับเปลี่ยนกฎระเบียบใหม่ โดยประชาชนที่มาติดต่อรัฐสภาทุกคนจะต้อง “ถอดเครื่องปกปิดใบหน้าชั่วคราว... เพื่อให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสามารถตรวจสอบได้ว่า เป็นบุคคลที่ถูกห้ามมิให้เข้ารัฐสภา หรือบุคคลที่อาจเป็นภัยคุกคามหรือไม่ เมื่อกระบวนการดังกล่าวเสร็จสิ้น ผู้มาเยือนจะสามารถเข้าไปยังอาคารส่วนต่างๆ ที่เปิดสำหรับสาธารณชน รวมถึงห้องฟังการประชุม โดยสวมเครื่องปกปิดใบหน้าได้ตามปกติ”

ประธานวุฒิสภา แพร์รี ชี้แจงว่า การตัดสินใจ “เบื้องต้น” นั้นเป็นเพราะมีข่าวลือเมื่อช่วงต้นเดือนว่า อาจจะมีผู้ประท้วงสวมบุรกอบุกเข้ามาก่อกวนภายในรัฐสภา ซึ่งจนบัดนี้ก็ยังไม่มีเหตุการณ์เกิดขึ้น

ออสเตรเลียได้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังอย่างเข้มงวดเพื่อสกัดกั้นแผนร้ายของกลุ่มไอเอส ซึ่งได้บุกยึดเมืองต่างๆในอิรักและซีเรียอย่างกว้างขวาง โดยได้เพิ่มความรัดกุมของกฎหมายต่อต้านก่อการร้าย และส่งตำรวจเข้าตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยตามเมืองใหญ่ๆ เพื่อป้องกันชาวออสเตรเลียหัวรุนแรงก่อวินาศกรรมในบ้านเกิด

ออสเตรเลียเป็นประเทศแรกๆ ที่อาสาร่วมมือกับสหรัฐฯ โจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายไอเอส และเมื่อวานนี้(19) แคนเบอร์ราก็เพิ่งจะบรรลุข้อตกลงกับรัฐบาลแบกแดดว่าด้วยการส่งหน่วยรบพิเศษ 200 นายเข้าไปช่วยกองกำลังอิรักต่อสู้กับนักรบญิฮาดหัวรุนแรง