รอยเตอร์ - ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศเพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอต่อการทำลายเหล่านักรบรัฐอิสลาม (ไอเอส) ในอิรักและซีเรียให้สิ้นซาก และแบกแดดจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนฟื้นแสนยานุภาพของกองกำลังภาคพื้น เพื่อกำราบและขุดรากถอนโคนพวกอิสลามิสต์หัวรุนแรงกลุ่มนี้ จากคำเตือนของเสนาธิการทหารบกสหรัฐฯ เมื่อวันพุธ (17 ก.ย.)
3 ปีหลังจากสหรัฐฯ ถอนกำลังทหารออกจากอิรัก ประธานาธิบดีบารัค โอบามา สั่งปฏิบัติการโจมตีทางอากาศอีกครั้ง แต่คราวนี้มีเป้าหมายคือยับยั้งการรุกคืบของพวกนักรบรัฐอิสลาม ที่เข้ายึดครองพื้นที่ในอิรักเป็นบริเวณกว้าง และตีกองกำลังรัฐบาลแบกแดดจนแตกกระเจิง
พล.อ.เรย์มอนด์ โอเดียร์โน เสนาธิการทหารบกสหรัฐฯ ที่เคยบัญชาการกองทัพอเมริกาในอิรักระหว่างปี 2008 ถึง 2010 ชี้ว่าความปราชัยของกองกำลังอิรักในการรับมือกับการจู่โจมของพวกรัฐอิสลาม เกิดจากความมีอคติทางนิกายของทหารอิรักมากกว่าที่จะมีต้นตอจากความล้มเหลวด้านการฝึกฝนของสหรัฐฯ
นายพลโอเดียร์โนบรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นในอิรักว่าน่าผิดหวังอย่างยิ่ง พร้อมชี้ว่ามันอาจจะดีกว่านี้หากสหรัฐฯ ยังคงมีกำลังพลอยู่ในประเทศนี้ “ถ้าเป็นดังนั้นเราคงจะสามารถจับตาอย่างใกล้ชิดว่าอะไรกำลังเกิดขึ้น”
ในขณะที่สหรัฐฯ กำลังประสานงานจัดตั้งกองกำลังนานาชาติอย่างกว้างขวางเพื่อจัดกับกับพวกรัฐอิสลามในอิรัก พล.อ.โอเดียร์โนบอกกับกลุ่มผู้สื่อข่าวในไวส์บาเดน เยอรมนี ระหว่างเข้าร่วมประชุมทางทหารของยุโรป ว่าปฏิบัติการโจมตีทางอากาศสามารถสกัดการรุกคืบได้ แต่ไม่ใช่การยุติปัญหาทั้งหมด “เราจำเป็นต้องมีกองกำลังทางภาคพื้นที่มีความสามารถกำราบและขุดรากถอนโคนพวกเขา เพื่อเอาชนะและทำลายพวกเขา ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมความสามารถในการให้คำปรึกษาและฝืกฝนทหารอิรักของเราจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง”
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โอบามาอนุมัติการโจมตีทางอากาศในซีเรียเป็นครั้งแรก ดินแดนที่พวกนักรบรัฐอิสลามได้จัดตั้งกองกำลังของตนเองขึ้นมาท่ามกลางสงครามกลางเมืองช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเช่นกัน “เราไม่ควรปล่อยให้มีแหล่งกบดานชั้นดีสำหรับพวกรัฐอิสลามในซีเรีย” พล.อ.โอเดียร์โนกล่าว
การสู้รบกับพวกรัฐอิสลามในซีเรียมีความซับซ้อนยิ่งกว่า เพราะว่าสหรัฐฯ และพันธมิตรเป็นปกปักษ์กับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดแห่งซีเรีย ดังนั้นการเข้าแทรกแซงในซีเรียโดยปราศจากการได้รับอนุญาตของรัฐบาล อาจทำให้เครื่องบินรบของอเมริกาเสี่ยงถูกโจมตีจากการป้องกันภัยทางอากาศของซีเรีย
“พวกเขา(รัฐอิสลาม) คือภัยคุกคามของภูมิภาค และผมเชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่ในอนาคต พวกเขาจะเป็นภัยคุกคามต่อทั้งยุโรปและสหรัฐฯ ดังนั้นมันจึงมีความสำคัญมากที่เราจะจัดการกับภัยคุกคามในตอนนี้ร่วมกับพันธมิตรนานาชาติของเรา” เขากล่าว
พล.อ.มาร์ติน เดมป์ซีย์ ประธานเสนาธิการทหารร่วมแห่งกองทัพสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร์(16 ก.ย.) เพิ่มความเป็นไปได้ว่าทหารอเมริกาอาจจำเป็นต้องขยายบทบาททางภาคพื้นในสงครามระหว่างอิรักกับพวกนักรบรัฐอิสลาม แต่ทำเนียบขาวย้ำว่าจะไม่ประจำการหน่วยประจัญบานในอิรักอีก
เมื่อถูกถามเกี่ยวกับความเห็นของเดมพ์ซีย์ พล.อ.โอเดียร์โน “เรากำลังประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง และเราจะให้คำปรึกษาทางทหารอย่างดีที่สุดแก่ประธานาธิบดี เพื่อให้ท่านบรรลุจุดประสงค์ต่างๆ ที่เริ่มต้นเอาไว้”
