“หลวงปู่พุทธะอิสระ” ฉะพวกปลุกกระแสจับแพะพม่าคดีเกาะเต่า เป็นขบวนการรับจ้างทำลายความเชื่อมั่นประเทศ เตือนชาวโซเชียล - พวกนั่งเทียนวิพากษ์ จงใช้สติไตร่ตรอง อย่าเห็นตามโดยไม่มีข้อมูลเชิงประจักษ์ จนตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดี แนะจะเสพความจริง ต้องถามกลับไปว่า เพื่อทำลายชาติ หรือทำร้ายใครหรือเปล่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 1 พ.ย. หลวงปู่พุทธะอิสระ เจ้าอาสวัดอ้อน้อย จังหวัดนครปฐม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก หลวงปู่พุทธะอิสระ (Buddha Isara) หัวข้อ “มือปืนรับจ้างนั่นพอจะเข้าใจได้ แต่มือปืนอาสานี่ทำไปทำไม” ตามข้อความดังนี้
“รู้หรือไม่ว่าคุณกำลังช่วยเขาทำร้ายบ้านเมือง ที่กลุ่ม Social Media และพวกนั่งเทียนวิพากษ์การทำงานของตำรวจในคดีเกาะเต่า จนลามไปถึง ผู้ใหญ่วรพันธ์ ตู้วิเชียร พร้อมลูกชาย นายวรท ตู้วิเชียร แถมท้ายด้วยการเล่นงานลุงกำนันเขาไปด้วย โชคดีนะที่ฉันไม่ได้โดนดึงเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและความเชื่อมั่นของต่างชาติโดยตรง และก็ต้องถือว่าบรรดามือปืนรับจ้างปฏิบัติการเป็นผลสำเร็จ ขบวนการทำลายความเชื่อมั่นของกลุ่มนี้ สามารถทำให้การท่องเที่ยวตกต่ำสุดๆ ได้โดยการปลุกกระแสจับแพะพม่า และก็หาตัวคนที่เกี่ยวข้องใกล้ชิดกับลุงกำนันมาผูกโยงเข้า ด้วยการนำเอาข้อมูลของฝรั่งคนหนึ่งที่อ้างว่ารู้เห็นการฆาตกรรมครั้งนี้ นำมาเป็นประเด็นปลุกกระแสจนสามารถสร้างมือปืนอาสาได้เป็นพันเป็นหมื่น
พวกมือปืนอาสานั่งเทียนหลับตาพวกนี้ เขาจะรู้หรือไม่ว่า เขาได้ตกเป็นเครื่องมือของคนที่คิดจะทำร้ายทำลายประเทศชาติ และเขาก็ทำได้เป็นอย่างดีด้วย
ตอนนี้ผู้ใหญ่ วรพันธ์ และลูกชาย นายวรท มาตรวจ DNA โดย 4 สถาบันเป็นผู้ตรวจ ผลออกมาแล้วว่าไม่ตรงกับ DNA ของคนร้าย ฉันเชื่อว่าพวกมือปืนรับจ้างที่รับงานมาทำลายบ้านทำร้ายประเทศ ก็จะแถตะแบงออกไปว่า การตรวจ DNA ของเจ้าหน้าที่ไม่เป็นที่น่าเชื่อถือ ทำไมไม่ใช้ตำรวจสากล หรืออนามัยโลก ที่เป็นกลาง เหตุที่ฉันคิดเช่นนี้เพราะคนพวกนี้ไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมของไทยแต่แรกแล้ว แม้แต่คำสั่งของศาล เขาจึงพาลเหมาเข่งไปทุกเรื่องที่เป็นการทำงานของกระบวนการยุติธรรมไทย ดูตัวอย่างคดีที่ลูกพี่เขาโดนพิพากษาเขายังไม่ยอมรับเลย แต่ถ้าการพิพากษาให้พวกตนถูก ก็จะออกมาลอยหน้าลอยตาว่ายุติธรรมแล้ว
รวมความว่าประโยชน์กูถึงจะดี ประโยชน์คนอื่นอัปรีย์ทั้งหมด เรื่องนี้เคยมีมาแล้ว ไม่ใช่ไม่เคยมี ทำไมยังมีคนไทยหลายๆ คนถึงได้มืดมัวมองไม่เห็นความผิดปกติใดๆบ้างเลยเชียวหรือ หรือเห็นแต่จะเดินตาม ทำตาม พูดตาม คิดตามซะอย่าง เหตุเพราะฉันชอบ
ฉันถึงได้บอกว่าคนไทยชอบใช้ความรู้สึกนำหน้าเหตุผลและกฎหมาย ตัวอย่างเช่น ตำรวจจับคนแก่ขโมยเงินขโมยของในร้านค้า หรือตำรวจจับผู้หญิงแม่ลูกอ่อนขโมยนมผงในห้าง ทั้งสองตัวอย่างนี้ แทนที่ชาวบ้านจะชมตำรวจว่าปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ไม่เลือกผู้ปฏิบัติ กลับรุมด่าว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าไม่มีเมตตา คุกมีเอาไว้ขังเฉพาะคนยากจนใช่ไหม ทีคนโกงชาติปล้นแผ่นดินทำไมไม่โดนจับติดคุก กลับเดินหิ้วกระเป๋าลอยหน้าลอยตาไปเที่ยวต่างประเทศได้สบายใจ
นี่แหละเมืองไทย นี่แหละคนไทย ชอบเอาความรู้สึกนำหน้ากฎหมายและเหตุผลเสมอ ความผิดลักขโมยมันเกิดขึ้นซึ่งหน้าจับได้คาหนังคาเขา เจ้าหน้าที่ก็สามารถดำเนินการได้ทันที แต่คดีทุจริตโกงบ้านกินเมืองมิได้เกิดขึ้นซึ่งหน้า มันมีองค์ประกอบทางคดีที่กฎหมายกำหนดเอาไว้ชัดเจน หากจะเอาผิดชนิดจับให้มั่นคั้นให้ตาย มันจะต้องใช้เวลาหาพยานหลักฐานให้ครบในทุกประเด็นไม่เช่นนั้นจะเอาผิดเขาไม่ได้
แต่คนไทยใช้อารมณ์นำหน้ากฎหมายและเหตุผลตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่สื่อ คนพวกนี้จึงพยายามตั้งประเด็นเพื่อสร้างแนวร่วม เพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งก็สุดแท้แต่จะคิด ใครมีสติปัญญาลองพิจารณาดูเอาเถิด
ฉันล่ะอยากวิงวอนพี่น้องไทยผู้มีหัวใจรักชาติอย่างจริงใจ มิใช่น้ำลายไหลสามหยด รักชาติเพราะอยากเห็นประเทศชาติเจริญก้าวหน้า รักชาติเพราะต้องการให้ประชาชนอยู่ร่วมกันด้วยความสงบสุขเจริญรุ่งเรืองอย่างมั่นคง รักชาติเพราะต้องการให้พระเจ้าอยู่หัวและราชวงศ์จักรีปลอดภัย รักชาติเพราะอยากเห็นคนไทยสมัคสมานสามัคคี เอื้ออารีต่อกัน
ฉันขอให้คนไทยผู้รักชาติดังกล่าวมานี้ มีสติรู้คิด มีปัญญารู้ทำ อย่าตกเป็นเครื่องมือของผู้ไม่หวังดี เพราะเวลานี้ผู้ไม่หวังดีกำลังเล่นบทในรูปของนักรบประชาชน ในรูปของสื่อสารมวลชน ในรูปของนักสู้เพื่อประชาธิปไตย ในรูปของนักสิทธิมนุษยชน และในรูปของข้าราชการ พ่อค้าคหบดี
ผู้ไม่หวังดีเหล่านี้ต่างฝ่ายต่างแบ่งหน้าที่กันเล่นอย่างผสมผสานกลมกลืนสอดคล้องกันและกัน เพียงเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตน
คนไทยผู้มีหัวใจรักชาติทุกคนต้องมีสติปัญญาในการทำพูดคิด ต้องวิเคราะห์ สังเคราะห์ทุกเรื่องที่เข้ามาและออกไป จงจำเอาไว้ว่า ในข้อมูลที่มือปืนรับจ้างพวกนี้กล่าวอ้างว่าเป็นจริง จะยังเชื่อไม่ได้ ถ้าหากยังมิได้พิสูจน์ และในความจริงบางเรื่องก็มีแง่มุมที่พูดเพื่อทำร้ายทำลายฝ่ายตรงข้าม หากคนไทยผู้มีหัวใจรักชาติทั้งหลายจะเสพความจริง ต้องถามกลับไปว่า เพื่อทำลายชาติหรือทำร้ายใครหรือเปล่า
ท่านทั้งหลายต้องใช้สติปัญญากรองให้ละเอียดถี่ถ้วน อย่าหลงเชื่อง่าย อย่าทำร้ายประเทศ ทำลายคนอื่นด้วยเหตุผลเพียงแค่ว่าเราเชื่อ ควรเชื่อ น่าเชื่อ ต้องเชื่อ หากแต่ความเชื่อมันต้องเกิดขึ้นหลังจากมีข้อมูลเชิงประจักษ์ ผ่านกระบวนการพิสูจน์มาแล้วจึงเชื่อ ไม่เช่นนั้นความเชื่อของท่านจะกลายเป็นการเติมเชื้อให้ความชั่ว ที่ฉันต้องออกไปสู้อยู่กลางถนน เพราะต้องการหยุดเชื้อชั่ว ไม่ใช่อยากเติมเชื้อชั่ว หวังว่าคนไทยผู้มีหัวใจรักชาติทุกคน คงจะช่วยกันกำจัดเชื้อชั่ว โดยเฉพาะเชื้อชั่วที่มีอยู่ในจิตใจเรา”