นครปฐม - “หลวงปู่พุทธะอิสระ” เปิดเวทีถามปมลดโควตานมโรงเรียนในวัดอ้อน้อย นำผู้ประกอบการ และเกษตรกรถกรองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ระบุเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศโดยส่วนรวม และเพื่อให้เด็กได้ดื่มนมมีคุณภาพ ชี้มูลค่านมปีละกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ไม่ต่างกระบวนการเรียกร้องพลังงาน
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (13 ต.ค.) ที่วัดอ้อน้อย ธรรมอิสระ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้มีการจัดเวทีตอบปัญหาโควต้านมโรงเรียนหลังจากมีตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการ ชมรม สมาคม สหกรณ์ และสถานศึกษาที่เคยได้รับโควตาจัดจำหน่ายนมโรงเรียนถูกลดจำนวนโควตาลงได้เข้าร้องเรียนต่อหลวงปู่พุทธะอิสระ เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา เพื่อขอให้ช่วยเหลือ และตรวจสอบกรณีดังกล่าว เนื่องจากจะทำให้เกิดการสูญเสียรายได้ของผู้ประกอบการนมโรงเรียนทั่วประเทศ
โดยมีตัวแทนจากภาคส่วนต่างๆ เข้าร่วมเวทีการตอบปัญหาดังกล่าว ประกอบด้วย พ.อ.เชื้อชาย ขันชุปัฐน์ รองผู้อำนวยการความมั่นคงภายในจังหวัดนครปฐม ว่าที่ ร.ท.อรรถชล ทรัพย์ทวี ป้องกันจังหวัดนครปฐม นายประสาน อันโนนจารย์ สหกรณ์จังหวัดนครปฐม สัตวแพทย์หญิงวรรณี สันตมนัส ปศุสัตว์จังหวัดนครปฐม และนายสัตวแพทย์รณชัย จ๋วงพาณิชย์ ปศุสัตว์เขต 7
ส่วนตัวแทนผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ประกอบด้วย นายกิตติรัตน์ ภัทรปรีชาสกุล นายกสมาคมผู้ผลิตนมพาสเจอไรซ์ นายบัญชา โชติรัตนฤทธิ์ ประธานชุมชนสหกรณ์โคนมแห่งประเทศไทย นายณัฐวุฒิ ประทีปะวณิช รองประธานสหกรณ์ผู้เลี้ยงโคนมโคกก่อ จำกัด จ.มหาสารคาม นายอมรศักดิ์ วงษ์สุวรรณ ผู้จัดการสมาคมผู้ผลิตนมพาสเจอไรซ์ ชุมชนสหกรณ์ และสมาคมต่างๆ กว่า 20 แห่ง ตลอดจนกลุ่มเกษตรกรผู้เลียงโคนมกว่า 100 คน ได้เข้าร่วมในเวทีครั้งนี้ด้วย
โดยนายสัตวแพทย์อยุทธ์ หรินทรานนท์ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้เดินทางมารับทราบข้อเสนอและร่วมตอบปัญหาต่างๆ ที่เกิดข้อสงสัยจากกลุ่มผู้ประกอบการ และเกษตรกร โดยเฉพาะปัญหาเรื่องของการลดจำนวนโควตาของนมโรงเรียนด้วยตัวเอง โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเคร่งเครียด และมีการถกเถียงกันอย่างกว้างขวางประมาณ 5 ชั่วโมง ก่อนที่รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ จะรับข้อเสนอเพื่อนำไปสู่การประชุมพิจารณาในที่ประชุมของคณะกรรมการต่อไป
ทั้งนี้ หลวงปู่พุทธะอิสระ ได้สรุปการเปิดเวทีในครั้งนี้ว่า เรื่องนี้ดูรูปแบบแล้วไม่ต่างจากเรื่องพลังงานที่เคยมีการเปิดเวทีมาก่อนหน้า และตนยืนยันว่า จะไม่เป็นเครื่องมือในการเรียกร้องของใคร การเข้าช่วยเหลือเรื่องนี้ก็ยังคงจะยืนยันในเรื่องการช่วยเหลือเกษตรกรเป็นหลัก ส่วนภาคเอกชนนั้นมีกระบวนการทางการตลาดซึ่งตนเองจะไม่เข้าไปยุ่งในกลไกนั้น เพราะถือว่ามีศักยภาพมากทั้งเรื่องของแหล่งเงินทุน และการผลิต ซึ่งต้องว่ากันไปตามกระบวนการ
หลวงปู่พุทธะอิสระ กล่าวต่ออีกว่า กระบวนการในเรื่องของนมนั้นมีมูลค่าสูงถึง 1.4 หมื่นล้านบาทต่อปี ดังนั้น จะต้องแก้ปัญหาอย่างค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งทุกเรื่องที่มีการนำเสนอจะต้องมีการติดตามการทำงานเป็นระยะเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศโดยส่วนรวม คือ นมนักเรียนต้องได้คุณภาพ มีราคาที่สมเหตุสมผล มีความโปร่งใสในการทำงาน โดยเฉพาะเด็กต้องได้ดื่มนมมีคุณภาพ และตนยืนยันว่า จะไม่ตกเป็นเครื่องมือในการเรียกร้องของกลุ่ม หรือองค์กรใด แต่ประเทศต้องได้ถึงประเทศชาติเป็นหลัก
อย่างไรก้ตาม ทราบว่าในวันที่ 15-16 ตุลาคมนี้ จะมีการประชุมร่วมกันของกลุ่มผู้ประกอบการ และคณะกรรมการที่เคยมีการพูดคุยในเรื่องนี้ขอให้มีการดูท่าทีจากคณะกรรมการ ซึ่งจะมีการเซ็น MOU ในเรื่องโควตานมโรงเรียนอย่างไรก็ ซึ่งก็ขอให้จับตาดูว่าคณะกรรมการ จะมีมติออกมาอย่างไร