ชาวท่าอุเทนบุกศูนย์ดำรงธรรม ร้องนายทุนออกโฉนดทับที่ทำกิน ซ้ำฟ้องศาลไล่ที่

นครพนม - ชาวบ้านใน ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน บุกร้องศูนย์ดำรงธรรมนายทุนออกโฉนดทับที่ทำกิน พร้อมขายต่อหลายทอด ก่อนฟ้องขับไล่

วันนี้ (13 ต.ค.) ชาวบ้านห้วยพระ ต.ท่าจำปา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม กว่า 50 คนร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เนื่องจากถูกนายทุนออกโฉนดทับที่ทำกิน แล้วฟ้องศาลขับไล่ออกจากที่ทำกินที่ได้ทำกินมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย โดยมีนายกุมพล บรรเทาทุกข์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นผู้รับเรื่อง

นางแตงอ่อน แก้วห้วยพระ เปิดเผยว่า บรรพบุรุษของตนได้ครอบครองที่ดินทำกินในพื้นที่บ้านห้วยพระ ปลูกสับปะรดและมันสำปะหลังเลี้ยงลูกหลานเรื่อยมา ต่อมาประมาณปี 2530 เริ่มมีนายทุนเข้ามาติดต่อซื้อที่ดินในพื้นที่บ้านห้วยพระ และมอบหมายให้ผู้ใหญ่บ้านในขณะนั้นเป็นนายหน้าหาที่ดินให้

ต่อมาราวปี 2533 ตนได้ทราบข่าวว่าที่ดินข้างเคียงของตน ซึ่งนายเลิง อินเทพ เป็นผู้ครอบครอง ถูกนายทุน คือ นายอนันต์ ตั้งจิตทวีทรัพย์ ชาว จ.จันทบุรี ซื้อไป 30 ไร่ ราคา 4 หมื่นบาท นอกจากนั้นนายอนันต์ยังติดต่อซื้อที่ดินในบริเวณใกล้เคียงอีกรวมแล้วนับพันไร่

ซึ่งบางรายซื้อขายแบบปากเปล่าจากนายหน้า เนื่องจากนายหน้าเป็นคนในหมู่บ้าน ทราบว่าชาวบ้านคนไหนถือครองเอกสารสิทธิอะไร หรือรายไหนถือครองที่ดินมือเปล่า

ภายหลังตนมาทราบว่าที่ของตนถูกนายทุนออกเอกสารทับ ตอนที่มีหมายศาลจังหวัดนครพนมมาที่บ้าน มีบริษัท พฤกษาอิสาน จำกัด เป็นโจทย์ ฟ้องตนกับน้องชายและน้าชาย โดยบรรยายฟ้องว่าตนและพวกบุกรุกที่ดินของบริษัทและให้ออกจากพื้นที่ แต่พวกตนก็ไม่ยอมออกเนื่องจากไม่เคยบุกรุกที่ดินของใคร จึงต่อสู้คดีไปตามมีตามเกิด

ล่าสุดศาลจังหวัดนครพนมตัดสินให้ตนและน้องชายพร้อมน้าชายแพ้คดี และให้ออกจากพื้นที่ พร้อมจ่ายค่าเสียหายแก่บริษัทเป็นเงิน 1.2 แสนบาท พวกตนเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมาร้องที่ศูนย์ดำรงธรรมเพื่อขอความช่วยเหลือ

ผู้สื่อข่าวได้ขอตรวจสอบการออกโฉนดที่ดิน หมาย 19233 เลขที่ดิน 35 ระวางภาพถ่ายทางอากาศเมืองหินบูน หมายเลข 5644/3 แผ่นที่ 156 ที่โจทก์คือบริษัท พฤกษาอิสาน จำกัด อ้างว่าได้ซื้อมาจากนายอนันต์ ตั้งจิตทวีทรัพย์ ปรากฏว่าระวางดังกล่าวหายไปจากสำนักงานที่ดินอำเภอท่าอุเทน และเมื่อขอตรวจสอบสารบบการออกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าว กลับถูกปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่ อ้างว่าไม่อยู่ที่สำนักงานที่ดิน พร้อมนัดให้มาติดต่อวันหลัง

เป็นที่น่าสังเกตว่าโฉนดที่ดินดังกล่าวมีเนื้อที่ 68 ไร่ 97 ตารางวา ออกตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 2219 ซึ่งมีเนื้อที่ 39 ไร่ 80 ตารางวา เพิ่มขึ้นเกือบ 30 ไร่ จึงน่าเชื่อว่าการออกโฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวทับที่ดินทำกินของชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งจะต้องตรวจสอบต่อไป